นับเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังสำหรับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคน หลังจากที่ทีมรักของพวกเขาทำได้เพียงเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสมอกับ แอสตัน วิลล่า 2-2 ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา จนทำให้ในเกมลีก 4 นัดหลังสุด "ปีศาจแดง" เก็บชัยชนะได้แค่เกมเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา โซลชา มักจะโดนตำหนิอย่างหนักว่าจัดทีมได้ไม่เหมาะสม จนทำให้ทีมได้ผลการแข่งขันไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งโดยรวมแล้วมันก็เป็นความจริงในระดับหนึ่ง โดยที่จริงเขาก็ควรจะต้องเปลี่ยนหลักความคิดและหันไปใช้งานนักเตะบางคนให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะ 3 แข้งเหล่านี้ที่อาจจะช่วยทีมได้เป็นอย่างดี
- อั๊กเซล ตวนเซเบ้
การที่ซีซั่นก่อน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กองหลังชาวสวีดิชทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ จนแทบจะลบภาพจอมเหวอจากฤดูกาล 2017-18 ได้หมด และการที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังคนใหม่มีดีกรีที่ยอดเยี่ยมติดตัวมาจากตอนเล่นให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้หลายคนคิดว่านี่จะเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือทั้งสองคนเป็นกองหลังสไตล์แบบเดียวกัน นั่นคือเป็นพวกที่อ่านเกมรอดักจังหวะคู่แข่ง โดยตามปกติแล้วคู่เซนเตอร์แบ็กควรจะเป็นสายอ่านเกม 1 คน และสายชน 1 คน ซึ่งนั่นก็ทำให้การเล่นเกมรับร่วมกันของ แม็กไกวร์ กับ ลินเดอเลิฟ มีปัญหาพอตัว
ที่จริงในขุมกำลังชุดปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีกองหลังสายชนอยู่บ้าง อย่างเช่น เอริก ไบยี่ และ อั๊กเซล ตวนเซเบ้ ซึ่งการที่ ไบยี่ เจ็บหนักมาตั้งแต่ช่วงปรี-ซีซั่น ทำให้ ตวนเซเบ้ เป็นตัวเลือกเดียวที่พอจะรับบทบาทสายชนได้ และที่จริง โซลชา ก็เคยแสดงความต้องการว่าจะใช้งานเขา จนไม่ปล่อยเจ้าตัวออกจากทีมแบบยืมตัวในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล
ถึงกระนั้น จนถึงตอนนี้ โซลชา ก็ใช้งาน ตวนเซเบ้ ในลีกไปแค่ 4 เกม และในจำนวนนั้นก็เป็นในฐานะตัวจริงแค่ 2 หน ประกอบด้วยเกมเสมอกับ อาร์เซน่อล 1-1 และแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 ทั้งที่จริงๆ แล้วกุนซือชาวนอร์เวย์ควรจะให้โอกาสเขามากกว่านี้ เพื่อให้คู่เซนเตอร์แบ็กมีความสมดุล ไม่ใช่แค่ยึดติดกับชื่อเสียงของ แม็กไกวร์ และ ลินเดอเลิฟ โดยคนที่ควรจะหลีกทางคงจะต้องเป็น ลินเดอเลิฟ ที่ฤดูกาลนี้ฟอร์มแกว่งมากกว่า แม้ว่าในนัดล่าสุดจะทำประตูได้ก็ตาม
- อังเคล โกเมส
ตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา อังเคล โกเมส คือหนึ่งในนักเตะจากอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้รับคำชมอย่างมาก และหลายคนก็คิดว่ามิดฟิลด์ตัวรุกวัย 19 ปีรายนี้จะเป็นกำลังหลักให้ทีมได้ในระยะยาว ซึ่งการเข้ามาของ โซลชา ก็ทำให้มันดูเหมือนว่า โกเมส จะมีความหวังในการได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่มากขึ้น หลังจากที่ โซลชา ให้คำมั่นสัญญาว่าจะผลักดันเหล่าดาวรุ่งอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ โกเมส เพิ่งได้ลงเล่นในลีกไปเพียงนัดเดียว แถมยังเป็นในฐานะตัวสำรองอีกต่างหาก โดยเป็นเกมที่แพ้ เวสต์แฮม 0-2 ทั้งที่จริงๆ แล้วขุมกำลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ก็ไม่มีกองกลางตัวรุกที่ดีๆ เยอะเท่าไหร่
เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โซลชา ตัดสินใจใช้งาน ฆวน มาต้า เป็นมิดฟิลด์ตัวรุก แต่นั่นทำให้แผงมิดฟิลด์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีความหวือหวาและรวดเร็วมากเท่าไหร่ ทั้งที่ โกเมส น่าจะเป็นตัวเลือกที่ช่วยทีมในเกมรุกได้มากกว่า ถ้าเขาต้องรับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกเพียงคนเดียวที่คอยสนับสนุน 3 แดนหน้าอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ แดเนี่ยล เจมส์
- เมสัน กรีนวู้ด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา โซลชา มักจะชม กรีนวู้ด แทบไม่เว้นวันว่าเป็นจอมจบสกอร์ที่เก่งมากๆ และยิงได้ดีกว่า แรชฟอร์ด กับ มาร์กซิยาล ด้วยซ้ำ ซึ่งที่ผ่านมาดาวเตะชาวอังกฤษก็ทำประตูในระดับเยาวชนได้ดีในระดับหนึ่งจริงๆ อย่างซีซั่นที่แล้วก็ยิงไปมากถึง 26 ประตู จากการลงเล่น 26 นัด ถ้านับเฉพาะตอนที่เขาลงเล่นให้ทีมระดับเยาวชน
ถึงกระนั้น โซลชา กลับไม่กล้าใช้งาน กรีนวู้ด เป็นตัวจริงมากเท่าไหร่ ทั้งที่ แรชฟอร์ด กับ มาร์กซิยาล ก็แสดงให้เห็นอยู่บ่อยครั้งว่าพวกเขาเหมาะเป็นตัวรุกริมเส้นที่คอยลากบอลเข้าหาประตูแล้วค่อยเลือกว่าจะยิงเองหรือจ่าย มากกว่าการยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าที่รอโอกาสจบสกอร์
จริงอยู่ว่าคนเป็นกุนซือควรจะให้การสนับสนุนลูกทีมอย่างเต็มที่ แต่ถ้ามันถึงขีดสุดแล้วก็ควรจะต้องเปลี่ยนแปลงดูบ้าง และที่ผ่านมา แรชฟอร์ด ก็ทำได้ไม่ดีพอกับการเป็น "กองหน้าตัวเป้า" ดังนั้นมันจึงควรจะลองให้โอกาส กรีนวู้ด มากกว่านี้
โดยรวมแล้วในตอนนี้มันขึ้นอยู่กับ โซลชา เองว่าจะกล้าเปลี่ยนแนวความคิดของตัวเองมากแค่ไหน และถ้าเขายังไม่กล้าเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะก็ คนที่โดนเปลี่ยนอาจจะเป็นเขาเองก็ได้