หากมีการจัดอันดับนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ถูกพายุอุกาบาตถล่มหัวหมาอย่างจงหนักมากที่สุดในตอนนี้
เจสซี่ ลินการ์ด คงนอนมาเป็นอันดับหนึ่งแบบปราศจากคู่แข่ง
ทั้งฟอร์มการเล่นและผลงานคือเหตุผลสำคัญอันดับแรกที่ทำให้อดีตของดาวรุ่งผู้นี้ตกเป็นจำเลยของแฟนบอลทีมตัวเอง แถมกลายเป็นตัวตลกของแฟนบอลทีมอื่นแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลักฐานคือตลอดทั้งปี 2019 ที่ผ่านมา เจสซี่ ลินการ์ด ในฐานะ "หน้าต่ำ" หรือ "ผู้เล่นหมายเลข 10" ผู้มีหน้าที่สร้างสรรค์เกมรุก ทั้งยิงประตูและแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกไม่ได้เลยสักครั้งเดียว
ชัดเจนนะครับว่าฟอร์มการเล่นตกลงไปอย่างน่าเกลียด
เท่านั้นไม่พอ
เจสซี่ กุนนาร์ ลินการ์ด
เหตุผลสำคัญอันดับต่อมาที่ทำให้เขาถูกเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปในรูตูดก็คือพฤติกรรมนอกสนาม
เจสซี่ ลินการ์ด จัดเป็นนักฟุตบอลประเภท "ดาวโซเชี่ยล" คนหนึ่งของวงการที่ปล่อยตัวและปล่อยใจของตัวเองให้หลงระเริงอยู่ในโลกเสมือนมากเกินไป
เข้าใจครับว่ามันเป็น "เรื่องส่วนตัว" นักเตะทุกคนมีสิทธิ์ผ่อนคลายจากความเคร่งเครียดของอาชีพการงานที่อุดมด้วยความกดดันอันหนักหน่วง
สิ่งที่ชาวบ้านเห็นจากนักเตะผู้นี้ในโลกโซเชี่ยล คือการแต่งกายที่จัดจ้านประหนึ่งเดินออกมาจากหนังสือแฟชั่น
แว่นตา สร้อยคอ กำไล ตุ้มหู หมวกแก๊ป และเสื้อคอเต่า
การอัดคลิปขับร้องเพลงแร็ป "บีนส์...บีนส์...บีนส์" อันลือลั่นกับนักเตะรุ่นน้องอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด
หรือการโชว์สเต็ปแด๊นซ์แบบ "มนุษย์ไร้กระดูก" ประหนึ่ง ไมเคิ่ล แจ็คสัน กลับชาติมาเกิดใหม่มา Feat.กับ ตู้ ดิเรก
เข้าใจครับว่ามันเป็น "ไลฟ์สไตล์" เข้าใจครับว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
และแน่นอนว่ามันไม่ได้ขึ้นไป บีนส์...บีนส์...บีนส์...พลางเต้นเบรคแด๊นซ์บนฮวงซุ้ยอาว์ม่าใครสักหน่อย
แต่สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะมันยิ่งกลับกลายเป็นแรงบวกทำให้แฟนบอลปีศาจแดงที่มีอคติเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเกิดอาการหงุดหงิมตามง่ามนิ้วมือและง่ามนิ้วเท้ามากขึ้นไปอีก
คิดง่ายๆ นะครับว่าถ้าคุณพี่เขาไม่แสดงให้ชาวบ้านเห็นถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเองในโลกโซเชี่ยล อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยลดกระแสแห่งความเกลียดชังลงได้มากมายเลยทีเดียว
ความจริงการเป็นผลผลิตจากหยดอสุจิของท่านซาตานที่จบจากโรงเรียนลูกกรอกคะนองสามารถช่วยให้คุณได้รับคะแนนพิศวาสจากแฟนบอลได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อบวกกับความมุ่งมั่นและทุ่มเท รวมถึงจิตวิญญาณนักสู้ผู้ชอบออกตัวแทนและปกป้องเพื่อนร่วมทีมเวลามีปัญหากับคู่แข่ง มันยิ่งช่วยให้เขาได้รับการยกย่องและเชิดชูมากขึ้นด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่ดันปล่อยให้ "ไลฟ์สไตล์" ในโลกโซเชี่ยลขับเน้นให้ "อคติ" ที่มีต่อตัวเองนั้นมากขึ้น...ซะอย่างนั้น
มันน่าคิดนะครับว่าถ้าผู้จัดการทีมปีศาจแดงยังคงเป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ป๋าแกจะยอมให้ลูกทีมของตัวเองเป็น "ดาวโซเชี่ยล" ขนาดนี้หรือเปล่า โดยเฉพาะดาวรุ่งวัยละอ่อนที่มีรายได้มหาศาลเกินอายุที่ผู้ปกครองจำเป็นต้องสอดส่องและดูแลไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
อย่างไรก็ตาม
พฤติกรรมนอกสนามที่ไม่เข้าท่า และขัดลูกหูลูกตา มันก็สามารถลบล้างได้ด้วยฟอร์มการเล่นอันสยดสยองบนฟลอร์หญ้า
จุดนี้เขาได้รับโอกาสจากผู้เป็นเจ้านายมากมายหลายครั้ง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่า
เพียงแต่ไม่เคยไขว่คว้าเอาไว้ได้เลย
เจสซี่ กุนนาร์ ลินการ์ด
ไม่เคย - ไม่เคยเลยจริงๆ
ย้อนกลับไปในการศึกครั้งล่าสุดที่พลพรรคปีศาจแดงเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในวันแรกของปีใหม่
จัดเป็นอีกเกมที่ เจสซี่ ลินการ์ด โชว์ฟอร์มได้ห่วยแตกจนถูกเปลี่ยนตัวออก ทั้งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อุตส่าห์เริ่มต้นได้ดีกว่าเจ้าถิ่นด้วยซ้ำ
ในฐานะของหน้าต่ำผู้มีหน้าที่สร้างสรรค์เกมรุก เจสซี่ ลินการ์ด มีโอกาสทำเกมจู่โจมใส่คู่แข่งแบบสวยๆ อยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง
จังหวะหนึ่ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล วิ่งทำทางขึ้นไปข้างหน้าตรงช่องว่างระหว่างกองหลังของคู่แข่ง
แทนที่จะรีบแทงแทงบอลให้เพื่อนอย่างรวดเร็วกลับดึงจังหวะเอาไว้ก่อน
กลับกันในอีกจังหวะหนึ่ง
พี่แกพาบอลควบขึ้นมาตรงกลาง โดยมีเพื่อนร่วมทีมที่กำลังสอดขึ้นมาทางด้านซ้าย
แทนที่จะดึงจังหวะเอาไว้ก่อน เพื่อรอให้คู่แข่งบีบเข้ามาหาแล้วค่อยจ่ายบอลให้เพื่อนที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นมา เขาดันรีบร้อนจ่ายให้ตั้งแต่จังหวะแรก เหมือนต้องการให้ลูกฟุตบอลมันพ้นๆ ไป ตัวเองจะได้หมดหน้าที่
อีกจังหวะหนึ่งควบตะบึงขึ้นมาในสถานการณ์ 3 ต่อ 2 โดยมีเพื่อนร่วมทีมวิ่งสอดขึ้นมาทางพื้นที่ว่างทางด้านขวา พี่แกกลับจ่ายบอลสั้นๆ ไปที่ตัวซะอย่างนั้น
ขอโทษ...มันไม่ใช่การจ่ายบอลเสีย แถมผ่านบอลได้ตรงเป้าหมายไปที่เท้าของเพื่อนร่วมทีมเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่มันไม่ใช่การจ่ายบอลที่สร้างความได้เปรียบให้ทีมตัวเอง
เจสซี่ กุนนาร์ ลินการ์ด
ทั้ง 2-3 จังหวะนี้สะท้อนภาพออกมาอย่างชัดเจนว่า เจสซี่ ลินการ์ด และนาทีนี้ลงเล่นแบบไม่มีความมั่นใจในตัวเองหลงเหลืออยู่เลย !!!
ไม่มีความมั่นใจ - ไม่มีจินตนาการ และไม่มีความคิดสร้างสรรค์อันเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้เล่นประเภทเพลย์เมคเกอร์
มิซ้ำ
ทักษะการจับบอลและการจ่ายบอล รวมถึงการเลี้ยงบอลก็คนเพิ่งหัดเตะบอลใหม่ๆ กลายเป็นผู้เล่นคุณภาพบัดซบอย่างสมบูรณ์แบบ
คอมเมนเตเตอร์ภาษาอังกฤษในการถ่ายทอดสดพูดถึงดาวเตะวัย 27 ผู้นี้ว่า...
"ถ้าผมเป็นผู้จัดการทีม ผมคงส่ง เจสซี่ ลินการ์ด กลับบ้าน ตั้งแต่จบครึ่งแรกแล้ว เพราะเขาไม่ได้สร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยสักครั้ง เขาแค่ลงไปวิ่งเล่นในสนาม"
สำหรับท่านที่ไม่ได้ดูเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นประจำ ผมขอยืนยันหนักแน่นว่า เจสซี่ ลินการ์ด ไม่ใช่ "แพะรับบาป" ที่สังเวยอารมณ์อยากกระโดดเตะหน้าคนของบรรดาผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงนะครับ ผลงานที่แสดงออกมาในสนาม มันชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว
3 นัดล่าสุดที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1, แพ้ วัตฟอร์ด 0-2 และแพ้ อาร์เซน่อล 0-2 โดยทั้ง 3 นัด เขาอยู่ในสนามไม่เคยถึง 66 นาที
เกมกับ เอฟเวอร์ตัน ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 65
เกมกับ วัตฟอร์ด ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 64
เกมกับ อาร์เซน่อล ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 58
การถูกเปลี่ยนตัวออกอย่างรวดเร็วแบบนี้มันบ่งถึงฟอร์มการเล่นอย่างคมชัด
แต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ยังตะบี้ตะบันส่ง เจสซี่ ลินการ์ด ลงเล่นเป็นตัวจริง เฉพาะอย่างยิ่งในเกมล่าสุดทั้งที่ก่อนหน้านี้ในเกมบุกอัด เบิร์นลี่ย์ - อันเดรียส เปเรยร่า อุตส่าห์โชว์ฟอร์มได้ดีพอใช้ในตำแหน่งหน้าต่ำ
เมื่อเล่นไม่ออก เล่นไม่ได้ แถมทำตัวไม่มีประโยชน์ มันก็ต้องปรับบทบาทการเล่นดูบ้างนะครับ โดยตอนถูกดันขึ้นชุดใหญ่ใหม่ๆ เขาก็เป็นผู้เล่นในตำแหน่งตัวรุกริมเส้น จัดอยู่ในประเภทปีกที่เล่นได้ทั้งทางขวาและทางซ้าย โดยไม่เว้นแม้แต่ "วิง-แบ็ค" ในระบบ "หลังสาม"
หลุยส์ ฟาน กัล คือผู้จัดการทีมปีศาจแดงคนแรกที่ขยับเขาเข้ามาสวมบท "หน้าต่ำ" หลังจากคงสังเกตเห็นว่าดาวรุ่งผู้นี้เป็นนักเตะที่นอกจากจะขยัน ทุ่มเท และวิ่งพล่านแล้วมีความสามารถเฉพาะตัว เช่นเดียวกับการสับไกยิงที่หนักหน่วงและรุนแรง
เจสซี่ กุนนาร์ ลินการ์ด
โชเซ่ มูรินโญ่ ก็นิยมใช้งาน เจสซี่ ลินการ์ด ในตำแหน่งหน้าต่ำนะครับ โดยมีอยู่ช่วงหนึ่งในฤดูกาล 2017-18 ที่ดาวเตะผู้นี้ระเบิดฟอร์มการเล่นอันเปล่งปลั่งถึงขนาดกะซวกไป 7 ประตูจากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 9 นัด ตอนปลายเดือนพฤศจิกายน 2017 ถึงต้นเดือนมกราคม 2018 จนเด็กผีเรียกเขาแบบขำๆ ว่า "เมสซี่ ลินการ์ด"
บันทึกว่าฤดูกาล 2017-18 เขาลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งหมด (ทุกรายการ) 48 นัด โดยทำได้ 13 ประตู มากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง ก่อนผลงานจะตกลงอย่างฮวบฮาบในฤดูกาลที่แล้วที่ลงเล่นไปทั้งหมด 35 นัด โดยทำได้เพียงแค่ 5 ประตูเท่านั้น
ประตูสุดท้ายที่ เจสซี่ ลินการ์ด ทำได้ในพรีเมียร์ลีกบังเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2018 เกมบุกถล่ม คาร์ดิฟฟ์ 5-1 ขณะที่ "แอสซิสต์" สุดท้ายบังเกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 3-1 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2018
นับตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยทำประตูและแอสซิสต์ได้อีกเลยกระทั่งบัดเดี๋ยวนี้ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ชาวบ้านเห็น "ผลงานนอกสนาม" ของเขาแบบถี่ๆ ในโลกโซเชี่ยลนั่นแหละ
แต่ที่อาการหนักกว่า เจสซี่ ลินการ์ด เห็นจะเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ในฐานะผู้จัดการทีม อดีตดาวยิงเจ้าของสมญา "เพชฌฆาตหน้าทารก" ทำให้ลูกทีมคนนี้เป็นมืออาชีพจริงๆ ที่ไม่สนเรื่องนอกสนามไม่ได้
ปรับวิธีการเล่น หรือปรับบทบาทการเล่นของเขาใหม่ให้มีประโยชน์ต่อทีมก็ไม่ได้ - อีกทั้งยังชอบส่งบุตรนอกสมรสของตัวเองผู้นี้ลงไปโดนฆ่า เหมือนพาไปตายบนลานจอดหญ้าอีกต่างหาก
โถ...พ่อคุณ !!!
บอ.บู๋