ลิเวอร์พูลชุดนี้ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างสถิติที่ไม่เคยทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์สโมสร
ชนะได้ครบทุกทีมในลีกสูงสุดภายในฤดูกาลเดียว
พวกเขาเคยทำมันได้หนหนึ่งเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว แต่การเก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งร่วมลีกได้ครบทุกทีมในฤดูกาล 1895/96 คราวนั้นเป็นลีกระดับดิวิชั่นสองเดิม
เตะ 24 ชนะ 23 เสมอ 1 ทำคะแนนหล่นหายไปเพียง 2 คะแนนจาก 72 แต้มเต็ม
หงส์แดงที่ปรารถนาแชมป์ลีกสูงสุดเหลือเกินกำลังทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคืออาละวาดไล่กวาดทุกอย่างที่ขวางหน้า
พวกเขาคือทีมที่ทำคะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้วเมื่อนับ 38 เกมพรีเมียร์ลีกต่อเนื่อง
เตะ 38 นัดหลังสุดกวาด 104 คะแนนจากผลงานชนะ 33 เสมอ 5
ชนะเกมเหย้าร้อยเปอร์เซนต์ในฤดูกาลนี้ (12 จาก 12) ชนะเกมเยือน 91.67 เปอร์เซนต์ในฤดูกาลนี้ (11 จาก 12)
ไม่แพ้ใครมาแล้ว 41 นัดติดต่อกัน..
ชนะทุกทีมในลีก..
19 คะแนนที่นำอยู่หมายความว่าต่อให้พวกเขาแพ้อีก 6 เกมซ้อนๆ ก็ยังไม่ถูกใครหน้าไหนแซง
19 คะแนนที่นำอยู่หมายความว่าอย่างเร็วที่สุดที่พวกเขาจะตกจากตำแหน่งจ่าฝูงได้ก็เลยไปถึงนัดที่ 31 ของฤดูกาล มันคือกรณีที่พวกเขาแพ้รวดและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะรวดในอีก 7 เกมข้างหน้า
19 คะแนนที่นำอยู่หมายความว่าแต่ละเกมที่ผ่านไปหลังจากนี้โดยที่พวกเขาไม่แพ้หรือทีมเรือใบสีฟ้าไม่ชนะ ตำแหน่งจ่าฝูงก็จะยืดออกไปอีกทีละเกมๆ จากนัดที่ 31 เป็น 32.. 33.. 34.. 35..
19 คะแนนที่นำอยู่หมายความว่าพวกเขาต้องการอีกแค่ 24 แต้มเท่านั้นจาก 14 เกมที่เหลือก็จะคว้าความฝันยาวนาน 3 ทศวรรษมากอดได้สำเร็จ
จะเป็นชนะ 8 แพ้ 6.. ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 4.. ชนะ 6 เสมอ 6 แพ้ 2 หรือ ชนะ 5 เสมอ 9 ก็ได้ทั้งนั้น ทั้งยังอาจไม่ต้องดีขนาดนั้นก็ได้ถ้าแมนฯ ซิตี้ไม่ได้ชนะทุกเกมนับจากนี้
ลิเวอร์พูล 2019/20 ที่ลงล่าแชมป์ลีกที่รอคอยในฐานะแชมป์ยุโรป แชมป์ซูเปอร์คัพ และแชมป์โลก ยังคงเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางที่พร้อมจะทุบสถิติอย่างบ้าคลั่ง
ชนะทุกทีมในลีก..
แต้มสูงสุด 100 คะแนนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2017/18
ทิ้งห่างรองแชมป์มากที่สุด 19 คะแนนของทีมเรือใบสีฟ้า 2017/18
แต้มในบ้านมากสุด 55 คะแนนของเชลซี 2005/06 แมนฯ ยูไนเต็ด 2010/11 แมนฯ ซิตี้ 2011/12
แต้มนอกบ้านมากสุด 50 คะแนนของแมนฯ ซิตี้ 2017/18
ชนะมากสุดในหนึ่งฤดูกาล 32 นัดของแมนฯ ซิตี้ 2017/18, 2018/19
ชนะเกมเหย้ามากสุด 18 นัดของเชลซี 2005/06 แมนฯ ยูไนเต็ด 2010/11 แมนฯ ซิตี้ 2011/12, 2018/19
ชนะเกมเยือนมากสุด 16 นัดของแมนฯ ซิตี้ 2017/18
ชนะติดต่อกันจนถึงวันปิดฤดูกาล 14 เกมของแมนฯ ซิตี้ 2018/19
ชนะเกมเหย้าติดต่อกัน 20 เกมของแมนฯ ซิตี้ มี.ค. 2011 - มี.ค. 2012
ไม่แพ้ใครติดต่อกัน 49 เกมของอาร์เซน่อล..
ชนะทุกทีมในลีก..
ในวันที่ท้องฟ้าใสกระจ่าง ความเบิกบานชโลมฝั่งสีแดงแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ เสียงเพลง Allez Allez Allez ดังกระทบโสตประสาท
มันไพเราะ.. เสนาะหูเหลือเกิน
เกมเยือนเวสต์แฮม ยูไนเต็ดไม่เคยเป็นงานง่าย หากลิเวอร์พูลนาทีนี้ทำให้มันเป็นเหมือนเกมง่ายๆ
ดีกรีที่แก่กล้าขึ้นบ่มให้หงส์แดงก้าวลงสนามด้วยความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นสนามไหนในโลก
คล็อปป์ยังพักฟาบินโญ่ไว้ข้างสนามเพราะฟอร์มยามนี้ของ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กำลังเข้าที่ สอดประสานกับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อย่างลงล็อก ทุกคนอยู่ในฟอร์มที่ดี
ตำแหน่งตัวบนซ้ายของ ซาดิโอ มาเน่ ที่ว่างลงเพราะดาวเตะเซเนกัลเจ็บ กุนซือเยอรมันเลือก ดิว็อค โอริกี้ ก่อน ทาคุมิ มินามิโนะ และ นาบี เกอิต้า ที่ฟิตสมบูรณ์แล้ว
ทั้ง 2 จุดไม่ได้ผิดคาดหรือพลิกความคาดหมาย อันที่จริงสภาพทีมเวลานี้คล็อปป์จะจัดตัวเหลี่ยมไหนก็ได้ ถ้าเกมนี้ฟาบินโญ่กับเกอิต้าหรือมินามิโนะจะออกสตาร์ตตั้งแต่ต้นเกมมันก็ไม่แปลกเช่นกัน
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีชีวิตชีวาและโลดแล่น ลืมเรื่องดราม่าเห็นแก่ตัวเหลือเกินอะไรไปเสียเถิด เถียงกันไปก็ไม่มีวันจบ จะให้สมบูรณ์แบบอะไรนักหนา ต้องทำทุกจังหวะให้ถูกใจทุกคนเลยหรือไง
ชนะทุกทีมในลีก..
มีคนรัก มีคนชัง มีคนชอบ มีคนไม่ชอบ นี่คือเรื่องธรรมดาของชีวิต เกมนี้ดาวเตะอียิปต์คือนักเตะทรงคุณค่าประจำแมตช์ ยิง และ จ่าย และ วิ่ง และ สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน และ ช่วยกดดันแนวรับคู่ต่อสู้ตั้งแต่แดนบน
รู้อยู่นั่นแหละว่าเกมไหนพลาดเผลอยิงโดยไม่จ่ายให้เพื่อนอีกก็จะโดนด่าว่าเห็นแก่ตัวอีก จะด่าอย่างจงเกลียดจงชังหรือด่าเพราะอยากให้ได้ดีเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบขึ้นก็แล้วแต่ หากสำหรับเดอะค็อปอีกหลายๆ คนเพียงเห็นความทุ่มเทของเขาก็พร้อมอภัยให้เสมอ
เกมของลิเวอร์พูลที่โดดเด่นมากคือบอลเคาะสั้นในพื้นที่แคบๆ เล่นกัน 2-3 คนให้บอลเร็วจังหวะเดียวไม่กี่ทีก็เปิดช่องให้ไปต่อ
กองกลาง 3 คนเด็ดขาดที่สุด ด้วยฟอร์มเวลานี้พูดได้ว่า เฮนโด้-จีนี่-อ๊อกซ์ ไม่กลัวใคร การประสานสอดรับไหลลื่น พละกำลังเหลือเฟือ ตื่นตัวและรักษาตำแหน่งดีเยี่ยม
ไหวพริบร้ายกาจ ประตู 2-0 จากเกมโต้กลับคือผลลัพธ์
เฮนเดอร์สันคิดและทำเร็ว แตะบอลทีเดียวหลุดทั้งกระบิ ตามมาด้วยทักษะการครองบอลของซาลาห์และการผ่านบอลเหนือชั้นของเขา มันไปจบที่บอลแรกสุดยอดของอ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แตะปุ๊บชิงเหลี่ยมได้ปั๊บหมดโอกาสที่ ดีแคลน ไรซ์ จะสกัด ที่เหลือก็เพียงเลือกมุมยิงให้ผ่าน ลูคัส ฟาเบียนสกี้
อ๊อกซ์กำลังเล่นอย่างมั่นใจ จังหวะที่เขาจ่ายให้โอริกี้หลุดเข้าไปยิงติดปลายมือฟาเบียนสกี้ในครึ่งหลังนั้นบอกให้เรารู้ มันมาครบทั้งน้ำหนักและทิศทาง
ชนะทุกทีมในลีก..
คุณภาพของนักเตะเวสต์แฮมทำให้เกมนี้เป็นรองผู้มาเยือนมาก ความจริง เดวิด มอยส์ วางหมากรัดกุมมีเป้าหมายและลูกทีมก็ตอบสนองได้ดีแล้ว
เขาให้ลูกทีมเล่น 4-5-1 มีกองกลาง 3 คนช่วยกันแทนที่จะเป็น 2
ลิเวอร์พูลเอ๊คโค่ สื่อท้องถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์วิเคราะห์ตั้งแต่ก่อนเกมนัดนี้ว่าจุดอ่อนของเวสต์แฮมอยู่ที่การใช้คู่มิดฟิลด์ มาร์ค โนเบิ้ล กับ ดีแคลน ไรซ์ ที่ดูเผินๆ เหมือนดี
คนหนึ่งเก๋า มากประสบการณ์ เป็นกัปตันทีม อีกคนหนึ่งสด ห้าว ดุดัน ทว่าหลายเกมที่ผ่านมาตั้งแต่ยุค มานูเอล เปเยกรินี่ จนเปลี่ยนมือมาเป็นมอยส์ ทั้งสองคนไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่หน้าแผงหลังให้ทีมได้เลยและมักจะถูกโจมตีตรงนั้นเสมอ
การใส่ มานูเอล ลานซินี่ ลงมาช่วยตรงกลางอีกคนจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพียงแต่คุณภาพโดยรวมของทีมยังไม่ดีพอที่จะทำอะไรได้ดีกว่านั้น
การโต้กลับช้า ให้บอลไม่ดี บางทีการขาดตัวไอเดียอย่าง เฟลิเป้ อันแดร์สัน ก็สำคัญเพราะลำพังลานซินี่ที่สภาพก็ไม่ค่อยสมบูรณ์คนเดียวคงยากที่จะสร้างความแตกต่างได้ในเกมที่เจอกับคู่แข่งระดับนี้
รูปเกมที่ออกมาจึงเป็นอย่างที่เห็น คือเวสต์แฮมขาดความเร็วในการเล่น บอลช้าเกินไปทั้งการเซ็ตเกมและลูกโต้กลับ จ่ายบอลกัน 2-3 ทีเงยหน้ามาอีกครั้งนักเตะหงส์แดงขวางอยู่เต็มไปหมดแล้ว แย่กว่านั้นก็ถูกบีบแย่งบอลกลับไปครองง่ายๆ
ชนะทุกทีมในลีก..
มีจังหวะตอบโต้ถึงเขตโทษให้เห็นบ้างเหมือนกันแต่ประสิทธิภาพยังด้อยเกินไปจริงๆ ลิเวอร์พูลเร็วกว่าแทบจะทุกจังหวะ บอลสองเป็นของจ่าฝูงเรียบวุธ
สุดท้ายขุนค้อนก็ยันไม่อยู่ ด้วยอาวุธเข้าทำของแชมป์ยุโรปมีหลากหลาย
จุดโทษที่เสียให้โอริกี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น จังหวะจ่ายที่ตั้งใจให้ตัวไกลถูกดาวยิงเบลเจี้ยนเกี่ยวมาเล่นแบบแทรกจังหวะ แล้วแหวกผู้เล่นแฮมเมอร์ส 2 คนจนถูกทำฟาวล์
ทำนบแตกด้วยลูกพลิกแพลงเฉพาะตัวยามที่การขึ้นเกมดูตื้อๆ
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คลาสเหมือนเคย สเต็ปดวลตัวต่อตัวกับ โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ กองหลังดัตช์นิ่งและเยือกเย็น ยืนหันข้างบังเหลี่ยมยิงแล้วอ่านจังหวะบังบอลมิด หมดจด
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไม่มีประตูแต่มีส่วนร่วมกับเกมตลอดเช่นกัน จังหวะที่วิ่งไปรับบอลของเฮนโด้เกือบสุดเส้นหลัง เก้าในสิบคนคงคิดว่าจ่าย แต่บ๊อบบี้คิดล้ำเราไปอีกขั้นแตะบอลไต่เส้นหลังเข้าเขตโทษดื้อๆ
ช็อตนั้นยังติดตา คู่แข่งที่นานๆ เจอหมอนี่สักทีคงอ่านความคิดเขาไม่ทัน และมันหมายถึงความได้เปรียบของเพื่อนร่วมทีมที่ซ้อมด้วยกันอยู่ทุกวันที่จะเตรียมพร้อมได้เร็วกว่า
ชนะทุกทีมในลีก..
จังหวะสวยๆ ยังมีให้เห็นอีกหลายครั้งจากหลายคน เฮนเดอร์สันเล่นเหมือนคนบรรลุแล้ว นิ่งและมั่นใจ คุมทุกอย่างอยู่ใต้อุ้งเท้า ผ่านบอล สกัดบอล เบิ้ลบอลจังหวะเดียว เติมเกมถึงเส้นหลัง
นี่คือ 90 นาทีที่มีคุณภาพอีกนัดหนึ่งของหงส์แดง นักเตะเล่นได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นทุกคน ทั้งองค์ประกอบอื่นยังมาครบ ขนาดเสียงนกหวีดยังดูจะเป็นใจ ไม่มีการเสียเปรียบจากคำตัดสินเลยในเกมนี้ ดวงก็ยังเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงตัวเองไปแล้ว
ในโอกาสไม่กี่ครั้งของเวสต์แฮมที่สบช่องจนได้ อลีสซง เบ็คเกอร์ ก็ยังเหนียวหนึบโดยเฉพาะการป้องกันลูกยิง 2 ครั้งนั้นของไรซ์
เกมในสนามลิเวอร์พูลเล่นได้สมกับที่เป็นจ่าฝูงทิ้งห่าง 19 คะแนน ขยัน กระฉับกระเฉง เกมเร็ว แม่นยำ บีบพื้นที่เยี่ยม เซนส์ฟุตบอลทันกัน มีทีมเวิร์ค มีไอเดีย มีจินตนาการ อาวุธหลากหลาย เกมรับแน่น เกมรุกเฉียบขาด
แล้วเกมนี้ คล็อปป์ยังทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกด้วยการเปลี่ยนตัว
ส่ง ฟาบินโญ่ แทน โอริกี้ แล้วดันอ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เล่นตัวบนซ้าย
ถอด เทรนต์ มาพัก ส่งเกอิต้าลงสนาม ถอยเฮนเดอร์สันมาเล่นแบ๊กขวา
ชนะทุกทีมในลีก..
เมื่อคุมทุกอย่างอยู่ในกำมือ คราวนี้ก็ได้เวลามอบประสบการณ์เพิ่มเติมให้ เคอร์ติส โจนส์ เด็กหนุ่มวัย 18 กับเกมชุดใหญ่นัดที่สองหลังจากประเดิมสนามมาแล้วเมื่อเดือนธันวาคม
ทุกคนที่ลงมาต่างทำหน้าที่ได้ดี เฮนโด้กับอ๊อกซ์ในตำแหน่งที่ถูกปรับไปเล่นก็เช่นกัน
นี่คือการเปลี่ยนตัวที่ได้ประโยชน์อย่างที่สุด ฟาบินโญ่ กับ เกอิต้า ได้เคาะสนิมปรับจูนจังหวะในเกมลีก โจนส์ได้แรงจูงใจ เฮนโด้กับอ๊อกซ์ได้ตอบโจทย์ทางแท็คติกที่คล็อปป์ต้องการ
สามคะแนนคุณภาพ จากเกมคุณภาพ นักเตะคุณภาพ และโค้ชคุณภาพ
ชนะได้ทุกทีมในลีก ภารกิจนี้บรรลุตั้งแต่เกมที่ 24 ของซีซั่น พูดไปใครจะเชื่อ..
เหลืออีก 14 เกมจะจบฤดูกาล มันคงจะเป็น 14 เกมที่เดอะค็อปมีความสุขไปกับมันจริงๆ นะครับ
ตังกุย