"เครื่องจักรสีแดงผู้อหังการ" ในคราบ "สิบล้อเบรคแตกเมายาบ้า" ต้องการชัยชนะเพียงแค่อีก 6 นัดเท่านั้นก็จะกะซวกแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้อย่างสยดสยองและแบบเป็นทางการ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจผลการแข่งขันของคู่ขับเคี่ยว อันนี้ว่ากันในตามทฤษฏีและตามหลักคณิตศาสตร์น
ณ ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ลงเล่นไปแล้ว 25 นัด สะสมได้ 73 แต้ม ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ลงเล่นไปแล้ว 25 นัดเท่ากัน สะสมได้ 51 แต้ม โดยทั้งคู่เหลือโปรแกรมอีก 13 นัด ซึ่งเหลืออีก 39 แต้ม ให้ตามเก็บ
11-21 มีนาคม...วันโลกาวินาศ
ต่อให้ แมนฯ ซิตี้ เก็บกวาดชัยชนะในทุกนัดที่เหลือของฤดูกาลนี้ก็จะสะสมได้มากที่สุดคือ 90 แต้ม ขณะที่ ลิเวอร์พูล ขอชัยชนะอีกแค่ 6 นัดเท่านั้น ก็จะสะสมได้ 91 แต้ม - เส้นสองสลึงขาดผึงทันที
มิเพียงแค่นั้นนะครับ - มิเพียงแค่นั้น
เพราะถ้า แมนฯ ซิตี้ ดันสะดุดตีนตัวเองทำแต้มหล่นหายไปในอีก 6 เกมต่อไปนับจากนี้ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังคงพุ่งเข้าชนและวิ่งเข้าใส่ชัยชนะติดต่อกันอย่างไม่ยั้งหยุด พวกเขาก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างรวดเร็วกว่านั้นซะด้วย
อนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกมระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ เวสต์แฮม ถูกเลื่อนออกไปด้วยเหตุแห่งพายุที่บุกถล่ม โดยพรีเมียร์ลีกยังไม่ได้กำหนดออกมาว่าจะแข่งเมื่อไหร่
...ว่าแล้วเรามาวิเคราะห์กันแบบนัดต่อนัดอย่างละเอียดตาม "ไทม์ไลน์" ของทั้ง 2 ทีมไปเลยดีกว่า โดยขอความกรุณาค่อยๆ อ่าน และค่อยๆ ทำความเข้าใจ เพื่อที่จะได้ไม่สับสน
.
.
.
วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ลิเวอร์พูล จะลงแข่งก่อน โดยต้องออกไปเยือนทีมบ๊วยอย่าง นอริช ซิตี้
11-21 มีนาคม...วันโลกาวินาศ
ขออนุญาตบวก 3 แต้มเพิ่มให้พวกเขาไปเลยเป็น 76 แต้ม จากการลงเล่น 26 นัด พลางทิ้งห่างเป็น 25 แต้ม
ช่วงเวลานั้น แมนฯ ซิตี้ จะได้หยุดยาว โดยจะมีคิวแข้งในพรีเมียร์ลีกอีกทีในวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ โดยถือเป็นเกมสำคัญที่ต้องออกไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ คิง เพาเวอร์สเตเดี้ยม
ขอบอกว่าโอกาสที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะทำแต้มหล่นหายนั้นมีสูงพอสมควรเลยทีเดียว แถมยังมีศึกหนักรออยู่ในช่วงกลางสัปดาห์ (วันพุธที่ 26 กพ.) เมื่อต้องออกไปเยือน เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซะด้วย
สมมุตินะครับ - สมมุติ
ขอสมมุติไปเลยดีกว่าว่า แมนฯ ซิตี้ สะดุดด้วยการทำได้แค่เสมอกับ เลสเตอร์ ซิตี้
สถานการณ์จะเป็นแบบนี้ครับ
แมนฯ ซิตี้ ลงเล่น 26 นัด โดยสะสมได้ 52 แต้ม ตามหลัง ลิเวอร์พูล อยู่ 24 แต้ม
กรณีนี้ แมนฯ ซิตี้ จะเก็บได้มากที่สุด 88 แต้ม
หมายความว่า ลิเวอร์พูล (76 แต้ม) ต้องการชัยชนะอีกแค่ 4 นัด และเสมอ 1 นัด พวกเขาก็จะมี 89 แต้ม
วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เวสต์แฮม ที่ แอนฟิลด์
ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดนะครับ ฟอร์มการเล่นร้อนแรงไม่หยุดแบบนี้ พลพรรคหงส์แดงยัดเยียดความปราชัยให้ทีมขุนค้อนได้แน่ๆ โดยพวกเขาจะลงเล่น 27 นัด โดยสะสมเพิ่มเป็น 79 แต้ม ทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ (52 แต้ม) ออกไปอีกเป็น 27 แต้ม
.
.
.
วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ ลิเวอร์พูล จะลงเล่นก่อนอีกครั้ง โดยออกไปเยือน วัตฟอร์ด
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ลิเวอร์พูล จะบุกไปขย่ม "อีแตน" แล้วสถานการณ์ ณ ตอนนั้น มันจะเป็นแบบนี้ครับ
"หงส์แดง" ลงเล่น 28 นัด โดยมี 82 แต้ม
"เรือใบสีฟ้า" ลงเล่น 26 นัด มี 52 แต้ม
ระยะห่างถูกถ่างออกเป็น 30 แต้ม
11-21 มีนาคม...วันโลกาวินาศ
วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2020 ตามโปรแกรมเดิม แมนฯ ซิตี้ จะต้องออกไปเยือน อาร์เซน่อล ในเกมที่ 27 ของตัวเองพรีเมียร์ลีก แต่เกมนี้ถูกเลื่อนออกไปเป็นที่เรียบร้อย เนื่องเพราะทีมสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ จะต้องลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ แถมในช่วงกลางสัปดาห์ต้องทำศึก เอฟเอ คัพ รอบ 5 กับ เชฟฯ เวนส์เดย์ ในวันพุธที่ 4 มีนาคม
.
.
.
สัปดาห์ถัดไป
วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ บอร์นมัธ
อืมมมมมม...นี่ถ้าเป็นไฮโลว์ก็เปิดถ้วยแทงล่ะครับ ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กำชัยได้ค่อนข้างแน่แบบยิงมากได้บ้าน ยิงน้อยได้รถ
สถานการณ์จะเป็นแบบนี้
ลิเวอร์พูล ลงเล่น 29 นัด มี 85 แต้ม
แมนฯ ซิตี้ ลงเล่น 26 นัด มี 52 แต้ม
ระยะห่างถูกถ่างออกเป็น 33
1 วันต่อมา
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม แมนฯ ซิตี้ จะบุกไปเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้
เงื่อนไขของ "แชมป์เก่า" คือต้องชนะให้ได้เพียงสถานเดียวเท่านั้น
สมมุตินะครับว่าพลพรรคปีศาจแดงเอาชนะในการศึกครั้งนี้ได้สำเร็จ
แมนฯ ซิตี้ จะลงเล่น 27 นัด โดยมี 52 แต้ม
และนั่นเท่ากับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด นี่แหละจะเป็นผู้บรรจงมอบถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลให้คู่แค้นตลอดชาติของตัวเองแบบไม่เป็นทางการ เพราะผลต่างประตูได้เสียดีกว่าเยอะมาก
แต่ขอสมมุติแบบกลางๆ ว่าเสมอก็แล้วกัน
แมนฯ ซิตี้ ลงเล่น 27 นัด มี 53 แต้ม
ลิเวอร์พูล ลงเล่น 29 นัด มี 85 แต้ม
ห่างกันอยู่ 32 แต้ม โดย แมนฯ ซิตี้ เหลือ 11 นัด เท่ากับยังมี 33 แต้มให้เก็บ
ยังไม่เด๊ดห่า แต่ก็ใกล้เคียงเต็มทน
และในช่วงกลางสัปดาห์ของสัปดาห์นี้นี่แหละครับที่ แมนฯ ซิตี้ น่าจะได้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกนัดตกค้างกับ เวสต์แฮม ในคืนวันพุธที่ 11 มีนาคม
ถ้าไม่ชนะ...จบเลยครับ-ขอบอก
สมมุติว่า แมนฯ ซิตี้ ยัดเยียดความปราชัยให้ผู้มาเยือนจากลอนดอนไม่สำเร็จ นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะเป็นแชมป์อย่างเป็นทางการอย่างรวดเร็วที่สุด ประมาณวันพุธที่ 11 มีนาคม 2020
ในกรณีที่ แมนฯ ซิตี้ มีชัยในนัดตกค้าง พวกเขาจะลงเล่น 28 นัด โดยสะสมได้ 56 แต้ม
ขณะ ลิเวอร์พูล ลงเล่น 29 นัด 85 แต้ม
ระยะห่างคือ 29 แต้ม (แมนฯ ซิตี้ เหลือ 10 นัด มี 30 แต้มให้เก็บ)
.
.
.
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม แมนฯ ซิตี้ จะลงเล่นเป็นเกมที่ 30 ของฤดูกาล ในบ้านเจอ เบิร์นลี่ย์
ถ้าเป็นไปตามเชิงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แมนฯ ซิตี้ จะลงเล่น 29 นัด โดยสะสมได้ 59 แต้ม โดยห่างกันอยู่ 26 แต้ม
คืนวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน
หากเชือดเพื่อนบ้านของตัวเองได้สำเร็จ ลิเวอร์พูล จะผ่านเกมที่ 30 ของฤดูกาล ด้วยการมี 88 แต้ม โดยทิ้งห่างเป็น 29 แต้ม ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ต่อให้ชนะอีก 9 นัดที่เหลือก็เก็บได้แค่ 27 แต้ม
ถ้าเป็นแบบนั้นนั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการที่ กูดิสัน พาร์ค ในคืนวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2020
.
.
.
ทีนี้ในกรณีที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่พลาดเลย สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง เลสเตอร์, แมนฯ ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม และเบิร์นลี่ย์ ได้ทั้งหมด ขณะที่ ลิเวอร์พูล ก็เดินหน้าเก็บชัยชนะไปเรื่อยๆ ได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าเกมที่ 31 ของฤดูกาลที่จะเปิดบ้านเจอ คริสตัล พาเลซ ในวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม ถ้าหาก ลิเวอร์พูล เป็นผู้ชนะ แต้มก็จะขาดทันทีอยู่ดีนั่นแหละ
พูดง่ายๆ ว่าอย่างไรก็น่าจะปิดจ๊อบก่อนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม
จึงพอจะสรุปได้ดังนี้
1. แมนฯ ซิตี้ ต้องบุกชนะ เลสเตอร์ ให้ได้เพียงสถานเดียวเท่านั้น หากต้องการยืดชีวิตของตัวเองออกไปให้ตายช้าลง
2. คาดว่า ลิเวอร์พูล น่าจะได้แชมป์อย่างเร็วที่สุดประมาณวันที่ 11 มีนาคม โดยตัวเองไม่ต้องเหนื่อย เพราะ แมนฯ ซิตี้ อาจทำแต้มหล่นหายพลางยื่นแชมป์ให้เอง...ก็..เป็น..ได้
3. สเต็ปต่อมาคือวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม หากบุกไปขย่ม กูดิสัน พาร์ค ได้สำเร็จ แต้มอาจขาดอย่างเป็นทางการในวันนั้นเลย
4. อย่างช้าที่สุดคือวันเสาร์ที่ 21 ในเกมกับ คริสตัล พาเลซ พวกเขาน่าจะได้แชมป์อย่างเป็นทางการแบบเบ็ดเสร็จ และเด็ดขาด
5. นั่นหมายความว่าสัปดาห์ต่อมา ผู้เล่นของ แมนฯ ซิตี้ ในฐานะแชมป์เก่าจะต้องยืนเข้าแถวกระทืบฝ่ามือให้ผู้เล่นหงส์แดงตามธรรมเนียมปฏิบัติ
แต่หากเจ้าถิ่นสามารถยัดเยียดความปราชัยให้ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ พวกเขาจะกลายเป็นทีมแรกที่หยุดความเร็วแรงทะลุส้นตีนของ "เรด แมชชีน" ในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม
หาก ลิเวอร์พูล เอาตัวรอดไปได้ พวกเขาจะทำสถิติไม่แพ้ติดต่อกันสูงสุด 49 นัดเทียบเท่า อาร์เซน่อล และน่าจะทะยานเข้าเส้นชัยแบบไร้พ่ายได้เสียด้วย
ฟันธงครับว่าไม่ถึงเดือนเมษายนแน่นอน
11-21 มีนาคม...วันโลกาวินาศ
ย้ำอีกครั้งว่าไม่ถึงเดือนเมษาแน่นอนที่ ลิเวอร์พูล จะประกาศศักดาแห่งการเป็นแชมป์ของตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ สิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนาน 30 ปี พร้อมทำลายสถิติคว้าแชมป์ล่วงหน้าอย่างรวดเร็วมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ฉะนั้น & ฉะนี้
กรุณาจดเอาไว้ในสมองหรือทำเครื่องหมายเอาไว้ในปฏิทินได้เลยว่าในระหว่างวันที่ 11 - 21 มีนาคมของปี 2020 นี่แหละ
วันโลกาวินาศของแฟนบอลทั่วโลก !!!
"บอ.บู๋"