ประตูของ จอห์น ลันด์สตรัม ช่วยให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เฉือน บอร์นมัธ 2-1 ส่งผลให้ "ดาบคู่" สร้างผลงานที่น่าเหลือเชื่อเมื่อก้าวขึ้นมามีลุ้นในการทำอันดับเพื่อคว้าโควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาล 2019/2020
คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ ได้รับคำชื่นชมอย่างมากกับผลงานสุดยอดที่สร้าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมเล็กๆ ที่มีงบประมาณไม่เยอะ แต่สามารถเบียดสูงกับทีมยักษ์ใหญ่ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้อย่างสุดมัน และตอนนี้พวกเขารั้งอันดับ 5 มี 39 คะแนน ตามหลัง เชลซี ทีมอันดับ 4 เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น
เชฟฯ ยูฯ เพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากรอคอยมานาน 12 ปี แน่นอนว่าพวกเขาเป็นทีมที่โดนมองข้าม และถูกบรรดาเกจิลูกหนังรวมทั้งแฟนบอลต่างฟันธงว่า "ดาบคู่" คงจะต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้อยู่เล่นในพรีเมียร์ลีกแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้น เหตุผลสำคัญก็เพราะกลุ่มนักเตะของเชฟฯ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่ไร้ประสบการณ์เนื่องจากพวกเขามักจะแข่งขันในลีกระดับล่างเท่านั้น
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
อย่างไรก็ตาม ไวล์เดอร์ ได้จุดประกายความฝันให้เหล่าแฟนบอล "ดาบคู่" เมื่อทีมมีลุ้นที่จะติดท็อปโฟร์คว้าตั๋วไปลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า โดยผลงานของพวกเขาเหนือกว่า "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ที่ลงทุนสร้างทีมด้วยงบบานเบอะ
สำหรับในยุคพรีเมียร์ลีกนั้น อิปสวิช ทาวน์ เป็นทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาและจบฤดูกาลในอันดับ 5 ในฤดูกาล 2000/01 ที่สำคัญ อิปสวิช มีแต้มตามหลัง อาร์เซน่อล ซึ่งได้รองแชมป์ในซีซั่นนั้นเพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้น (ตอนนั้นโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แค่อันดับ 1-2 ส่วนอันดับ 3 ไปเล่นยูฟ่า คัพ)
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
แน่นอนว่าการจบอันดับท็อปโฟร์ เป็นสิ่งที่นักเตะทุกคนปรารถนา และจากโปรแกรมที่เหลืออยู่ 12 แมตช์ของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หากพวกเขาสามารถรักษาระดับการเล่นที่คงเส้นคงวา งานนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธโอกาสที่พวกเขาจะหักปากกาเซียนในการคว้าโควตาสุดท้ายไปลุยโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์"
ผลงานที่ยอดเยี่ยมของ เชฟฯ ยูไนเต็ด มาจากระบบการเล่น และเกมรับที่เหนียวแน่น โดยทีมเสียเพียงแค่ 24 ประตูเท่านั้น เป็นรองเพียง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จ่าฝูงที่เสียไปเพียง 15 ประตู เหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมี แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก ที่เสียไป 29 ประตู
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
ในส่วนของเกมรุก "เดอะ เบลดส์" พวกเขายิงได้เพียง 28 ประตูน้อยกว่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 18 ในโซนตกชั้น 2 ลูก แน่นอนว่าแม้ทีมจะยิงประตูได้น้อย แต่การเล่นเกมรับที่รัดกุมและเหนียวแน่นเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก้าวขึ้นมาอยู่บนหัวตารางอย่างที่เห็น ซึ่งไม่ต้องแปลกใจที่กองหลังของพวกเขาสมควรได้รับคำสรรเสริญเยินยอ
ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูดาวรุ่ง เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้อย่างเหนียวหนึบของสโมสร โดยโกลที่ยืมมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บคลีนชีตให้ทีมได้หลายแมตช์ ทำให้เจ้าตัวมีลุ้นรางวัลถุงมือทองคำ หรือ "โกลเด้น โกลฟ" ร่วมกับ นิค โป๊ป และ อลีสซง เบ็คเกอร์
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
ส่วน 3 แนวรับอย่าง จอห์น เอแกน, แจ็ค โอ คอนเนลล์ และ คริส บาแช่ม ก็เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ เอ็นดา สตีเว่นส์ และ จอร์จ บัลด็อค สองวิงแบ็กคนสำคัญ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น แต่ไม่ใช่แค่เกมรับที่เหนียวแน่นเท่านั้น ในส่วนของเกมรุกก็กล้าที่จะสู้เต็มสูบเมื่อได้ยินเสียงกระตุ้นจากแฟนบอล
โอลิเวอร์ นอร์วู้ด กองกลางฝีเท้าดีที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม ขณะที่ จอห์น เฟล็ค และลันด์สตรัม ก็ช่วยให้เกมบุกของทีมดุดัน และประสานงานได้อย่างเข้าขากับเหล่ากองหน้าอย่าง บิลลี่ ชาร์ป, โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่, ลีส มุสเซ็ต และ เดวิด แม็คโกลดริก ซึ่งพลัดเปลี่ยนกันลงสนามตามระบบโรเตชั่น
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
แม้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จะไม่ได้สร้างประวัติศาสตร์เหมือนกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015/16 อย่างไรก็ตามสไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และไม่หวาดกลัวทีมไหนทั้งนั้น ช่วยให้พวกเขาได้ผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมในการสู้กับทีมใหญ่อย่าง เชลซี, สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล
พวกเขาแพ้ ลิเวอร์พูล แค่ 0-1 เท่านั้นในเกมลีกเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งบางทีแมตช์นั้นน่าจะเป็นหนึ่งในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดจากทุกๆ ทีมที่เคยฟาดฟันกับ "หงส์แดง" ในฤดูกาลนี้
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
ไม่มีใครสงสัยความสุดยอดทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เก็บแต้มได้ 73 คะแนนจาก 75 แต้ม และตอนนี้นอกจากจะมีลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว พวกเขายังมีโอกาสทำลายสถิติเก็บแต้มได้เกิน 100 คะแนนซึ่ง แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สร้างเอาไว้เมื่อซีซั่น 2017/18 แถม "หงส์แดง" ยังมีลุ้นทำสถิติไร้พ่ายในซีซั่นนี้ด้วย
ผลงานของ คล็อปป์ ทำให้เขาคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนมาแล้ว 5 จาก 6 ครั้งในฤดูกาลนี้ และแน่นอนว่า นายใหญ่เลือดด๊อยท์ชเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลนี้ กระนั้นความสำเร็จของ คล็อปป์ มาจากการลงทุนที่ค่อนข้างสูงพอสมควร
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
พวกเขาใช้เงินไปมหาศาลนับตั้งแต่ที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เข้ามากุมบังเหียนในถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมการสะกิดให้บอร์ดบริหารจ่ายเงินเพื่อซื้อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อลีสซง รวมกันแล้วประมาณ 140 ล้านปอนด์ (ราว 5,320 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมาก
แน่นอนว่า คล็อปป์ สมควรได้รับเครดิตจากผลงานของทีม และแชมป์ที่ได้ครอบครองมากมาย แต่สิ่งที่ ไวล์เดอร์ ทำกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน และหาก "ดาบคู่" จบอันดับท็อปโฟร์ในฤดูกาลนี้ ยิ่งจะทำให้พวกเขาเป็นที่จดจำ และได้รับการยำเกรงมากขึ้นด้วย
เหตุผลที่ ไวล์เดอร์ สมควรได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำซีซั่นเหนือ คล็อปป์
ฉะนั้น ไวล์เดอร์ จึงคู่ควรกับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีไม่ต่างอะไรกับ คล็อปป์ และหากเจ้าตัวได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้จริงๆ ก็คงราวกับฝันเป็นจริงสำหรับชายคนหนึ่งที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เชฟฯ ยูไนเต็ด และอดีตฟูลแบ็ก "ดาบคู่"