โทษฐานของผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงคนหนึ่ง
เรียนตามตรง ผมไม่อยากให้พรีเมียร์ลีกและฤดูกาลนี้กลายเป็นโมฆะอย่างที่กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตายในโลกโซเชี่ยล แม้มันจะหมายถึงการอดเป็นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล อย่างแสบสันต์รูตูดที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ตาม
เรื่องความสะเด่าไปเลยอีน้องส์ของพลพรรคหงส์แดงในฤดูกาลนี้คือสิ่งที่ต้องยอมรับนะครับ
ลิเวอร์พูล ทั้งเจ๋งและเก่งจริง แถมเหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยประการทั้งปวง ต่อให้คุณไม่สะดวกจิตสะดวกใจจะยินดีกับความสำเร็จของพวกเขา มันก็ต้องยอมรับในความยอดเยี่ยม
นอกจากนี้การเป็นโมฆะยังทำลายความเรื่องราวและสวยงามของเกมลูกหนังในฤดูกาลนี้จนยากที่จะทำใจยอมรับ
เช่นเดียวกันที่ผมไม่อยากให้ตัดจบกลางคัน โดยยึดอันดับล่าสุดในตาราง หรือยกแชมป์ให้ ลิเวอร์พูล แล้วไม่ต้องมีทีมตกชั้น
เพราะมันจะกลายเป็นความสำเร็จที่มีรอยด่าง
ผมอยากให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เดินทางถึงตอนจบ แม้นอาจจะล่าช้าไปหลายเดือนก็ช่างหัวลูกสาวคุณยายมัน
ขอให้ถึงเส้นชัยเป็นพอ
เด็กผีไม่เอาโมฆะ!
ทีนี้ขอสมมุตินะครับ
สมมุติว่ามีการประกาศให้พรีเมียร์ลีกและฤดูกาลนี้เป็นโมฆะ
นั่นหมายถึงการอดเข้าร่วมศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลทันทีทั้งที่โอกาสยังคงเปิดกว้างพอสมควร
เช่นเดียวกับผลงานของพวกเขาในบอลถ้วย
แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ โดยต้องออกไปเยือน นอริช ซึ่งโอกาสในการทะลุถึงรอบตัดเชือกมีค่อนข้างสูง
เช่นเดียวกับเส้นทางสาย ยูโรปา ลีก ที่นัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย บุกไปถล่ม ลาส์ค ลินซ์ ถึง 5-0 ตีตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายล่วงหน้าได้แบบไม่ต้องคิดมาก
ผมอยากรู้ว่าในช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ พลพรรคปีศาจแดงจะกระโดดถีบตูดตัวเองเข้าไปติดอันดับ "ท็อปโฟร์" ของตารางได้สำเร็จหรือไม่
เฉพาะอย่างยิ่งผลงาน 11 นัดล่าสุดที่ต้องอุทานว่า...ไฉไลเป็นบ้า
เด็กผีไม่เอาโมฆะ!
แมนฯ ยูไนเต็ด ทำสถิติไม่แพ้ใคร 11 เกมติดต่อกันในทุกรายการ แบ่งเป็นชัยชนะถึง 8 นัด ยิงได้ 29 ประตู เสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น โดยทั้ง 2 ประตูที่เสียให้ คลับ บรู๊ซ กับ เอฟเวอร์ตัน เกิดจากความผิดพลาดส่วนบุคคลของผู้รักษาประตู (เซร์คิโอ โรเมโร่ วิ่งออกมาจากเส้นในจังหวะที่ไม่น่าออก และดาบิด เด เคอา เตะบอลอัดคู่แข่งเข้าประตู) และทำอะไรที่พากย์อังกฤษว่า "คลีนชีต" ได้ถึง 9 นัด
นี่คือฟอร์มการเล่นที่กระฉูดแตกที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว
มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่ทราบ - ที่แน่ๆ คือมันเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงเล่นให้ปีศาจแดงเป็นนัดแรก !!!
.
.
.
.
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับว่าผู้เล่นเพียงคนเดียวจะมีอิทธิพลสูงส่งซะขนาดนั้น
ขนาด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังต้องใช้เวลาค้นหาตัวเองอยู่นานถึง 3 ฤดูกาล กว่าจะแผลงฤทธิ์ออกมาอย่างเต็มพิกัดในฤดูกาลที่ 4 ของการค้าแข้งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด
เด็กผีไม่เอาโมฆะ!
ตอนที่ เวย์น รูนี่ย์ เลื้อยตูดอวบๆ ลายหนังไก่ของตัวเองมาที่โรงละครแห่งความฝัน มาตรฐานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
"เสี่ยหมู" ไม่ได้มีอิทธิพลต่อทีมสูงส่งขนาดนั้น
ดาวเตะคนสุดท้ายที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลต่อทีมที่รุนแรงแบบนี้ก็เห็นจะเป็น เอริก คันโตน่า นั่นแหละ
นับตั้งแต่ดาวเตะโปรตุเกสค่าตัว 47 ล้านปอนด์ผู้เล่นลงเล่นเป็นเกมแรกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด
พี่แกยิงไปแล้ว 3 ประตู แอสซิสต์ไป 4 ครั้ง คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์ โดยจัดเป็นผู้เล่นที่มีสถิติสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูอันดับหนึ่งในอังกฤษ
ว่าแล้วก็ออกโรงมาถ่อมตนว่าความสะเด่าของปีศาจแดงใน 11 นัดล่าสุด มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองคนเดียวหรอก ความจริง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ดีอยู่แล้วต่างหาก
นอกจากผลงานส่วนตัวจะโสภาสถาพร ยังยกระดับของเพื่อนร่วมทีมให้สูงขึ้นอีกตะหาก
เด็กผีไม่เอาโมฆะ!
แฮร์รี่ แม็กไกรว์ และนาทีนี้สถาปนาตัวเองเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่มีคะแนนความสามารถเฉลี่ยสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกเป็นรองแค่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ของ ลิเวอร์พูล คนเดียว
เฟร็ด ยิ่งเล่นก็ยิ่งเก่งขึ้น
ที่สำคัญคือ บรูโน่ แฟร์นันด์ส นี่แหละไม่ต่างจาก "ตัวแปร" ที่อาจทำให้ ปอล ป็อกบา ล้มเลิกความคิดที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัวพลางต่อสัญญาใหม่ และสู้เพื่อความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกสักตั้ง
ขอแค่แสดงความทะเยอทะยานออกมาด้วยการซื้อผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพอีกสัก 2-3 คน ซึ่งผมมั่นใจว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ทำแน่ในฤดูกาลหน้า "คุณป๊อก" น่าจะต่อสัญญากับท่านซาตานได้ไม่ยาก
ไม่เพียงแต่เกมรุกที่มีความหลากหลายและเปี่ยมประสิทธิภาพมากขึ้น เกมรับก็เหนียวแน่นและแข็งแกร่งขึ้นแบบผิดหูผิดตา
ฟอร์มการเล่นของพลพรรคปีศาจแดงกำลังเปรี้ยงปร้าง เกมฟาดแข้งกลับต้องมาเว้นวรรคหนีไวรัสไปนานๆ แบบนี้ไม่รู้ว่ากลับมาใหม่แล้วจะรักษาความยอดเยี่ยมของตัวเองเอาไว้ได้หรือไม่
กระนั้นก็ยังพอมีแง่มุมดีๆ ให้มองเหมือนกัน
เด็กผีไม่เอาโมฆะ!
เพราะกว่าจะกลับมาเผดียงแข้งกันใหม่ ถึงตอนนั้น ปอล ป็อกบา กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด อาจจะหายเจ็บพร้อมกลับมาลงสับตีนบนฟลอร์หญ้าอีกครั้ง
แล้วเราก็จะได้เห็นการประสานงานกันระหว่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ ปอล ป็อกบา ว่ามันจะเป็นอย่างไร ซึ่งผมมั่นใจแบบเต็มประดาว่ามันน่าจะช่วยให้ปีศาจแดงมีความดุดันมากยิ่งขึ้น
ฉะนั้น & ฉะนี้
ขอความกรุณาเด็กผีทุกหมู่เหล่าอย่าไปคิดอกุศล โดยการอยากให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็นโมฆะเพียงเพื่อจะได้เย้ยหยันเด็กหงส์ และเอาตัวรอดจากการถูกล้อเลียนเลยครับ
การยกตูดตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อไปเทียบเท่ากับพวกเขา คือวิธีที่สง่างามกว่า
และแน่นอนว่ามันน่าภาคภูมิใจกว่าไปแช่งให้ฤดูกาลนี้เป็นโมฆะตั้งเยอะ
บอ.บู๋