ณ จุดนี้ดาวเตะที่เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้าคือ เจดอน ซานโช่
นี่คือผู้เล่นที่พวกเขาต้อง "เอานะ" มาให้ได้ก่อนเป็นคนแรก หัวเด็ดตีนขาดก็ต้องเอามา ส่วนคนอื่น ตำแหน่งอื่น ค่อยว่ากันทีหลัง
เพราะ "ปีกขวา" หรือ "หน้าขวา" ในระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 นี่แหละ คือตำแหน่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด หาผู้เล่นที่เหมาะสมและลงตัวกับตำแหน่งนี้ไม่ได้มานานมากเกินไปแล้ว
นานเกินไปนับตั้งแต่...เอ่อ..อ..อ..เอ่อ..อ..อ..อ...นับตั้งแต่ตอนไหนดีล่ะ ???
นับตั้งแต่ตอนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขออำลาคุณป๋าไปตามล่าหาความฝันวัยเด็กกับทีมราชันชุดขาว เมื่อปี 2009
หลังจากไอ้เจ๊ตโด้สับตีนออกจากเครื่องแบบปีศาจแดง ผู้เล่นตำแหน่ง "ปีกขวา" หรือ "หน้าขวา" คนแรกที่ก้าวเข้ามาแทนคือ นานี่
อันที่จริง "น้องหนูนา" ทำหน้าที่นี้ได้ไม่เลวเลยนะครับ ฤดูกาล 2009-10 เขาทำอะไรที่เรียกว่า "แอสซิสต์" ไปมากกว่า 15 ครั้ง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูง และไม่น่าเกลียด
ปัญหาคือเมื่อคุณมาแทนที่ดาวเตะตีนพระกาฬอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คุณย่อมถูกนำไปเปรียบเทียบกับคนเก่าที่ย้ายออกไปแบบช่วยไม่ได้
ดังฉะนั้นในด้านความรู้สึก แน่นอนว่ามันทดแทนกันไม่ได้
ไม่เพียง นานี่ เพียงคนเดียว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังไปซื้อ "ปีกขวา" ตัวใหม่มาสำรองไว้อีกคน
อันโตนิโอ วาเลนเซีย
ฤดูกาล 2011-12 ปีกขวาที่เพื่อนร่วมทีมเรียกสั้นๆ ว่า "โทนี่" โชว์ฟอร์มได้ไฉไลถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรเลยนะครับ
ไฉไลถึงขนาดฤดูกาลต่อมา คุณพี่เขาได้รับการปูนบำเหน็จจากผู้เป็นเจ้านายด้วยการโอนหมายเลขในตำนานอย่างหมายเลข 7 ให้ "โตโน่" เป็นผู้สืบทอด
แต่อย่างที่ทราบกันดีนั่นแหละว่าหมายเลข 7 แห่งปีศาจแดงถือเป็นเบอร์แรง หากบารมีของผู้สวมใส่ไม่สูงพอก็จะโดนอาถรรพย์หมายเลข 7 เล่นงาน
ฤดูกาล 2012-13 ฟอร์มการเล่นของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ในเครื่องแบบหมายเลข 7 ตกลงอย่างฮวบฮาบ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ แม้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลนั้นก็ตาม
แพงแค่ไหน...ก็ต้องเอานะ
ซีซั่นต่อมาเจ้าตัวจึงขอสละหมายเลข 7 ที่ของแรงบรรลัยกลับไปสวมใส่หมายเลข 25 ของตนเองเหมือนเดิม แถมหลังจากนั้นยังเกิดอาการ "กลายพันธุ์" กับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย อีกต่างหาก
กลายพันธุ์จาก "ปีกขวา" หรือ "หน้าขวา" ไปเป็น "แบ็คขวา" ซะอย่างนั้น !!!
อันที่จริง ก่อนอำลาตำแหน่ง คุณป๋าก็ซื้อผู้เล่นปีกขวาดาวรุ่งมาเตรียมไว้คนหนึ่ง
น่าเสียดายที่ เดวิด มอยส์ ให้โอกาส วิลฟรีด ซาฮา น้อยไปหน่อย
มกราคม 2014 แมนฯ ยูไนเต็ด จึงต้องไปกระชาก ฆวน มาต้า มารับตำแหน่งนี้อีกคน
ฆวน มาต้า สวมบท "หน้าขวา" เป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่อยู่กับ เชลซี แล้วนะครับ เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรถึง 2 สมัยซ้อนจากตำแหน่งนี้ เพียงแต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่าพี่แกเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง "หน้าต่ำ" มาตลอด
ตอนเลื้อยตูดมา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถูกส่งลงในตำแหน่ง "หน้าขวา" ในระบบ 4-2-3-1 และ 4-3-3 นี่แหละ
เพียงแต่พี่แกทำตัวไม่ค่อยเหมือน "ปีก" สักเท่าไหร่
ว่าแล้วลองนึกถึงนิยามของคำว่าปีกดูนะครับ
อะไรคือคุณสมบัติของผู้เล่นในตำแหน่งนี้ ???
หนึ่งคือต้องมีความคล่องแคล่วและรวดเร็ว สามารถกระชาก ลากเลื้อย และหลบหลีกคู่แข่ง
อีกหนึ่งคือต้องเปิดบอล หรือครอสส์บอลจากริมเส้นเข้ากลางได้
อนิจจา อนิจจัง ฆวน มาต้า ไม่มีความเร็ว ความคล่องก็ไม่มี ครอสส์บอลก็แม่นบ้าง ไม่แม่นบ้าง จุดเด่นคือตัดเข้าในทำชิ่งแล้วสอดตัวเองขึ้นไปทำประตูตามสูตรของตัวรุกริมเส้นสมัยใหม่ซะมากกว่า
มิเท่านั้นยังชอบหุบเข้าไปตรงกลางพลางวิ่งพล่านทับตำแหน่งกับชาวบ้านเขาไปทั่ว
เหมือนจะขยัน-ทุ่มเท แต่ไม่มีประโยชน์
ทันใดก็มีดาวรุ่งดวงใหม่คนหนึ่งพุ่งขึ้นมาอย่างน่าจับตามอง
นัดแรกของฤดูกาล 2014-15 กุนซือปีศาจแดงคนใหม่อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ส่งดาวรุ่งคนหนึ่งลงเป็นตัวจริงในตำแหน่ง "วิงแบ็คขวา" ของระบบ 3-5-2
แพงแค่ไหน...ก็ต้องเอานะ
ลองทายซิว่าใคร ???
หลายคนคงจำไม่ได้
แต่ผมจำได้
เจสซี่ ลินการ์ด ครับ เจสซี่ ลินการ์ด ซึ่งอาจารย์หลุยส์แกอุตส่าห์ไปดึงกลับมาจาก ไบรท์ตัน เพื่อกาลนี้โดยเฉพาะ
ดาวรุ่งจากโรงเรียนลูกกรอกคะนองผู้นี้ลงเล่นได้แค่ 24 นาทีเท่านั้นก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
เจสซี่ ลินการ์ด ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปนานถึง 6 เดือน เมื่อหายเจ็บกลับมา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ส่งตัวเขาให้ ดาร์บี้ ยืมไปใช้จนจบฤดูกาล
สรุปว่าต้องใช้ ฆวน มาต้า เหมือนเดิมไปก่อน
เมื่อ เจสซี่ ลินการ์ด กลับมาก็ถูกจับให้ลงเล่นในตำแหน่ง "หน้าต่ำ" ซะมากกว่า
ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่
กุนซือจอมโอหังทดลองเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด และอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล มาสวมบท "หน้าขวา" สลับกับ ฆวน มาต้า และโดยไม่เว้นแม้แต่ อเล็กซิส ซานเชซ
ผลปรากฏว่ามันก็ไม่ค่อยจะเวิร์คสักเท่าไหร่
ไม่ว่าใครที่ต้องมารับตำแหน่งนี้ก็มักจะโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออก
มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และอเล็กซิส ซานเชซ ถนัดเล่นเป็นหน้าซ้ายมากกว่าอย่างชัดเจน เมื่อไหร่ก็ตามที่ถูกโยกไปเล่นเป็นหน้าขวาก็มักจะเกิดอาการเดียวกัน คือ "ง่อยแดกส์"
แมนฯ ยูไนเต็ด จึงกลายเป็นทีมที่เอียงซ้ายมาตลอด
ล่าสุดฤดูกาลนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไปซื้อ ดาเนี่ยล เจมส์ มาเป็น "หน้าขวา" ตามคำแนะนำของ ไรอัน กิ๊กส์
เจ้าหนูแดนมีความเร็วระดับทะลุส้นตีน แต่กลับไม่มีสกิลในการหลอกล่อและหลบหลีกคู่แข่ง ส่วนใหญ่อาศัยความเร็ว ทิ่มบอลไปข้างหน้าแล้วสับตีนด้วยความซอยยิกตามไปเอา ว่าแล้วลองสังเกตดูนะครับ หากเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งแบบตัวต่อตัว มักจะเลี้ยงไม่ผ่าน
ตอนเปิดตัวใหม่ๆ ก็เหมือนจะดี เพราะมีความหวือหวาทั้งยิงทั้งจ่าย พอช่วงหลังๆ ชักจะยิงไม่ได้และจ่ายไม่ได้มาหลายเกมแล้วนะครับ
ขณะที่ปีกขวาอีกคนอันเป็นผลผลิตจากสถาบันลูกกรอกคะนองอย่าง เมสัน กรีนวู๊ด ก็ดูจะมีความเป็นกองหน้าซะมากกว่า
เห็นไหมว่ามันหาผู้เล่นที่เหมาะสมและลงตัวในตำแหน่งนี้ไม่ได้สักที
วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ คือซื้อใหม่แมร่งเลย 5555
และเมื่อจะซื้อใหม่ทั้งที่ก็ต้องเอาให้มันดีๆ ไปเลย
เจดอน ซานโช่ และนาทีนี้คือ "ปีกขวา" หรือ "หน้าขวา" ที่ฟอร์มกระฉูดแตกที่สุดในเมืองมนุษย์
อายุเพิ่ง 19 เท่านั้นเอง
ฤดูกาลนี้เขาลงเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ เฉพาะในศึกบุนเดสลีกาไปแล้ว 21 นัด (สำรอง 2 นัด) โดยทำได้ถึง 14 ประตู แอสซิสต์ไปอีก 15 ครั้ง คะแนนความสามารถเฉลี่ยสูงที่สุดของทีมเสือเหลืองคือ 7.90
แพงแค่ไหน...ก็ต้องเอานะ
เจ้าหนูสิงห์นักเตะผู้นี้อยู่กับ ดอร์ทมุนด์ มาตั้งแต่ปี 2017 และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทีมเสือเหลืองพร้อมปล่อยตัวผู้เล่นระดับดาวดังของตัวเอง โดยมีข้อแม้แค่ 3 อย่าง
1. เงินต้องถึง
2. เงินต้องถึง
3. เงินต้องถึง
ถ้า "เงินถึง" ซะอย่างก็เชิญเอามาห่อเอาตัวไปได้เลย
คาดว่าค่าตัวของ เจดอน ซานโช่ ไม่น่าจะต่ำกว่า 150 ล้านปอนด์ ซึ่งราคานี้มีเพียงไม่กี่ทีมในโลกที่มีความมั่งคั่งและบ้าคลั่งพอๆ กัน
แน่นอนว่านั่นคือ 2 ทีมแห่ง ลา ลีกา อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า
ราคานี้ขาใหญ่ของเยอรมันอย่าง บาเยิร์น มิวนิค อาจยอมถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า
นอกจากนี้ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นผู้เล่นสายพันธุ์สิงโตคำราม บางทีเขาอาจต้องการกลับมาค้าแข้งในแผ่นดินเกิดของตัวเอง ซึ่งทีมในเมืองหลวงลูกหนังที่พร้อมวอดวายขนาดนี้มีอยู่ไม่กี่ทีม
แมนฯ ซิตี้ คือหนึ่งในนั้น ปัญหาคือพวกเขาถูกจับได้ว่าทำผิดกฏไฟแนนเชี่ยล แฟร์เพลย์ ต่อให้อุทธรณ์ผ่านไม่โดนลงโทษแบนห้ามเล่นในฟุตบอลยุโรป 2 ปี ก็ไม่สามารถใช้เงินเกินตัวได้อีก แถม เจดอน ซานโช่ คืออดีตนักเตะเยาวชนของตัวเองที่ปล่อยให้ ดอร์ทมุนด์ การไปซื้อกลับมาด้วยราคาทะลุ 150 ล้านปอนด์ ดูจะไม่ใช่เรื่อง
ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อย่าง ลิเวอร์พูล ก็คงไม่หน้ามืดพอที่จะใช้เงินมหาศาลขนาดนี้ เพื่อตัวผู้เล่นเพียงคนเดียวในขณะที่ตัวเองมี 3 ประสานในแนวรุกที่ค่อนข้างลงตัวอยู่แล้ว
แถมเป้าหมายหลักของหงส์แดงในฤดูกาลหน้า คือกองหน้าอย่าง ติโม แวร์เนอร์ ต่างหาก
เชลซี ก็เพิ่งเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับผู้เล่นในตำแหน่งหน้าขวาอย่าง ฮาคิม ซีเย็ก ของ อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม
แมนฯ ยูไนเต็ด จึงแทบไม่เหลือคู่แข่งในประเทศ ขณะที่ เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ก็ยังไม่แสดงทีท่าที่ชัดเจน
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับปีศาจแดงเองนั่นแหละว่าจะ "เอานะ" จริงๆ หรือเปล่า และจะยอมวอดวายระดับทะลุ 150 ล้านปอนด์ หรือเปล่า ???
หวังว่า ฯพณฯ เอ๊ด วู๊ดเวิร์ด คงไม่โง่นะครับ
บอ.บู๋