โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตหัวหอกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชี้ให้เห็นถึงความจริงในเรื่องนโยบายการดึงผู้เล่นมาร่วมทีมที่แตกต่างกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ "ผีแดง" โดยฝ่ายแรกดึงแข้งเข้ามาเพื่อให้เหมาะกับปรัชญาการสร้างทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ขณะที่ แมนฯ ยูฯ เน้นคว้าสตาร์ดังแบบสำเร็จรูปมากเกินไป
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ตำนานกองหน้าชาวดัตช์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายในการซื้อนักเตะที่แตกต่างกันระหว่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กับ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ "หงส์แดง" กลายเป็นยอดทีมแห่งยุค
"เดอะ เร้ดส์" ทำผลงานได้อย่างสุดยอดนับตั้งแต่ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน เนื่องจากพวกเขาค่อยๆ พัฒนาทีมตลอดช่วง 4 ปีครึ่งโดยเฉพาะในเรื่องนโยบายการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมเพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ที่มาค้าแข้งในแอนฟิลด์ สามารถเข้ากับระบบของ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ได้เป็นอย่างดี
สวนทางการ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ดูเหมือนจะโยนเงินทิ้งไปเปล่าๆ ไม่ต่างอะไรกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะผู้เล่นที่ดึงตัวมาเสริมทัพไม่สามารถแสดงผลงานได้อย่างที่ต้องการ ยกเว้นในรายของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่โชว์ฟอร์มได้ดี แต่ก็เพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น จึงต้องรอดูผลงานในระยะยาว
ฟาน เพอร์ซี่ เปิดใจถึงแนวทางการสร้างทีมของแมนฯ ยูฯ ซึ่งมีคะแนนตามหลัง ลิเวอร์พูล ไกลสุดกู่ 37 แต้มก่อนที่เกมลีกจะหยุดพักเนื่องจากพิษโควิด-19 ว่า "ถ้าคุณเปรียบเทียบเรื่องนี้กับ ลิเวอร์พูล การแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีม และนักเตะที่ถูกเลือกมาร่วมทีมจะต้องเหมาะกับปรัชญาฟุตบอลของเขา ไม่ใช่มาจากแรงกระตุ้นทางการตลาด"
"โค้ชของพวกเขาสร้างทีมด้วยนโยบายด้านกีฬา ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาเสี่ยงดึงสตาร์อย่าง ปอล ป็อกบา กับ อเล็กซิส ซานเชซ มาร่วมทีม การทำแบบนั้นถือว่าเสี่ยงมากๆ ยกตัวอย่างหากนักเตะบาดเจ็บหรือไม่ฟิต ทีมพังทันที ขณะที่ปรัชญาอย่าง ลิเวอร์พูล เป็นสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังทำไม่ได้ นี่้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะได้เห็นว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะประสบความสำเร็จตามปรัชญาของเขาได้ไหม" ตำนานแข้งดัตช์ กล่าว