รายงานจากอังกฤษระบุว่าพรีเมียร์ลีกมีแผนที่จะกลับมาลงเล่นต่ออีกครั้งในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเป็นการเตะแบบสนามปิดและไปจบที่กลางเดือนกรกฎาคม เพราะไม่ต้องการสูญเสียเงินลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดราว 762 ล้านปอนด์
วันศุกร์นี้ตัวแทนของแต่ละสโมสรจะร่วมประชุมผ่านสายกับประธานและเจ้าหน้าที่พรีเมียร์ลีก เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆในตอนนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
เดลี่เมล ระบุว่าสโมสรต่างๆจะหนุนเรื่องกลับมาเตะแบบสนามปิดในเดือนพฤษภาคม และมีเส้นตายในการจบฤดูกาลในวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม
เป็นที่เข้าใจว่าเส้นกำหนดในสัญญากับบริษัทผู้ถือสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดสำหรับฤดูกาลนี้คือวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งหากเตะเลยเวลาดังกล่าวจะทำให้พรีเมียร์ลีกสูญเงินราว 762 ล้านปอนด์
บริษัทผู้ถือสิทธิ์ถ่ายทอดในอังกฤษอย่าง สกายสปอร์ต และ บีทีสปอร์ต ต้องการความชัดเจนอย่างเร็วที่สุด เนื่องจากตอนนี้สมาชิกที่จ่ายเงินติดตามนั้นทยอยยกเลิกกันไปจำนวนมาก
ยังไม่ชัดเจนว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะสามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ เนื่องจากว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา เจนนี่ แฮร์รีส์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของประเทศอังกฤษ ออกมาให้ความเห็นว่าอาจต้องใช้เวลา 6 เดือนในการล็อคดาวน์
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรีเมียร์ลีกคนหนึ่งบอกกับ เดอะซัน ว่า "ถ้าเราไม่จบฤดูกาลนี้เราต้องคืนเงินราว 750 ล้านปอนด์ให้บริษัททีวี"
"แต่ถ้าเราไม่เล่นฤดูกาลหน้าเลย เราอาจจะเสีย 3 พันล้านปอนด์"
"ถ้ามันมาถึงสถานการณ์ที่ว่าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวเลือกที่ชัดเจนที่สุดคือการทิ้งฤดูกาลนี้และเริ่มใหม่อีกครั้งเมื่อมันปลอดภัย"
"แต่ถ้าเราไม่ได้เริ่มเตะเลยจนถึงเดือนตุลาคม เราก็คงมีปัญหาในการจบฤดูกาลให้ทันเวลาก่อนศึกยูโรในซัมเมอร์หน้า"
"มันไม่มีทางเลยที่เราจะจบฤดูกาลนี้และเล่นฤดูกาลหน้าได้ มันคงต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง"
สโมสรต่างๆต้องการเล่นฤดูกาลนี้ให้จบ ส่วนหนึ่งคือเพื่อจะได้รับเงินจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดและอันดับในตาราง เพื่อมาแบ่งเบาภาระที่ต้องแบกรับวิกฤติในตอนนี้
ผู้บริหารระดับสูงของสโมสรชั้นนำรายหนึ่งบอกว่า "เราไม่ชอบไอเดีย(ในการเตะสนามปิด) อย่างไรก็ตาม มันจะหมายถึงว่าเราจะได้เงินถ่ายทอดสดที่เราควรจะได้ ซึ่งนั่นสำคัญมาก"