ชีวิตต้องก้าวต่อไป ! นั่นคือคำนิยามที่ อดัม ลัลลาน่า ใช้เป็นแรงกระตุ้นให้กับตนเอง หลังจากที่เขาตัดสินใจโบกมือลา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หลังหมดสัญญากับสโมสร ก่อนจะสลัดน้ำหมึกเซ็นสัญญาเป็นนักเตะใหม่ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ในช่วงซํมเมอร์นี้
ในวัย 32 ปี ดูเหมือนว่า ลัลลาน่า ยังคงดูหนุ่มแน่น แต่จริงๆ แล้วเขาได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน นับตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นมิดฟิลด์ดาวรุ่งพุ่งแรง "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนที่จะเป็นหนึ่งในแข้งสายเลือดใหม่ที่ได้รับการการเสริมเขี้ยวเล็บจาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ "หงส์แดง" ทั้งคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก เป็นต้น ก่อนที่จะเลือกเส้นทางในช่วงบั้นปลายชีวิตพ่อค้าแข้งมาเล่นให้ ไบรท์ตัน แบบฟรีเอเจนต์ ตอนนี้ ลัลลาน่า พร้อมที่จะเปิดใจเกี่ยวกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ กับทัพ "นกนางนวล" หลังจากที่เจ้าตัวไม่ได้เปิดปากพูดอะไรมากนักในช่วงที่ผ่านมา
"มันเป็นความรู้สึกที่ดีเยี่ยมที่ได้รู้ว่าผมกำลังจะได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ที่พูดแบบนั้นไม่ได้หมายความในเชิงหยิ่งผยองนะ ผมไม่ได้หมายถึงการลงเล่นทุกๆ เกม นั่นมันเยอะเกินไป มันก็แค่รู้สึกดีที่ผมจะได้มีเวลาที่ดีเยี่ยมในการลงสนาม เพราะด้วยระดับของลิเวอร์พูลตอนที่ผมอยู่กับทีมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผสมกับการที่ผมได้รับบาดเจ็บบ่อยๆ มันเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะได้ลงเล่นสนามอย่างต่อเนื่อง"
"ตอนนี้ผมจะได้มีเกมลงเล่นในวันเสาร์ ช่วงปรีซีซั่นผมรู้สึกพร้อมเต็มที่ คุณพยายามทำงานหนักระหว่างสัปดาห์ และจากนั้นคุณก็ได้รับรางวัลในช่วงสุดสัปดาห์ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ กับเรื่องนี้จริงๆ เพราะการได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับทีมอีกครั้งเป็นสิ่งที่ผมต้องการ"
ขณะเดียวกัน ลัลลาน่า ยังรู้สึกแปลกๆ และขำๆ กับการที่เขาจะได้รับบทบาทใหม่ในฐานะผู้เล่นที่อายุมากที่สุด หลังจากที่ เกล็นน์ เมอร์เรย์ หัวหอกจอมเก๋าของทีมย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ วัตฟอร์ด ในซีซั่นนี้ "ผมยังไม่แก่ขนาดนั้น ให้ตายซิ "
ไบรท์ตัน เป็นทีมที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือเกรแฮม พ็อตเตอร์ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด ฉะนั้นในฤดูกาล 2020/2021 สโมสรต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้อยู่ในพรีเมียร์ลีก ต่อไป
"มีนักเตะดาวรุ่งพรสรรค์หลายคนที่ไบรท์ตัน และผมบอกกับพวกเขาว่าพวกเขามีโอกาสที่ดีเยี่ยม ผมกระตุ้นพวกเขาให้ฟังหลายๆ คนที่คอยแนะนำ ขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญก็คือทีมต้องพยายามเก็บให้ได้ 40 แต้ม แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน"
"การทำงานหนักเพื่อพัฒนาตัวเอง และก้าวขึ้นมาเป็นคนที่เก่งขึ้นพร้อมกับทัศนคติและความมุ่งมั่นที่ดียิ่งขึ้น มันจะทำให้เราสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นของเราให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ นั่นคือสิ่งที่ผมจะทำที่นี่ การสร้างความสัมพันธ์มันคงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน"
"แต่ความเชื่อมั่นมาจากการทำงานหนักร่วมกันในสถานการณ์ที่ยากลำบาก นั่นคือสิ่งสำคัญมากๆ ทั้งในวงการฟุตบอล และชีวิตจริง มันเป็นเรื่องดีที่ตั้งเป้าหมายในทุกๆ เช้าที่คุณตื่นขึ้นมา ไม่มีเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงไม่สามารถตั้งเป้้าหมายที่จะจบครึ่งบนของตารางลีก นั่นเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากๆ"
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอาชีพพ่อค้าแข้งของ ลัลลาน่า ไม่ได้ราบรื่นเอาซะเลย เขาได้ลงเล่นตัวจริงในเกมลีกแค่ 9 แมตช์เท่านั้นในช่วง 3 ฤดูกาลหลังสุด และยังต้องมาเจอกับช่วงเวลาที่แสนเลวร้ายเมื่อได้รับบาดเจ็บหนักที่กล้ามเนื้อ แต่เจ้าตัวรู้สึกว่าความยากทุกข์ทรมานเรื่องสุขภาพของเขาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในวงการฟุตบอลและชีวิตจริง
"สภาพจิตใจของผมดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เมื่อคุณอายุมากขึ้นคุณมองเห็นชีวิตของคุณก็มากขึ้นตามไปด้วย ฟุตบอลมันไม่ใช่ทุกอย่าง เมื่อคุณพบกับความยากลำบากเนื่องจากได้รับบาดเจ็บบ่อย คุณจะค่อยๆ เรียนรู้ไปอย่างช้าๆ ในเรื่องนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตหลังจากเลิกเล่นฟุตบอล"
"มันคงจะต้องเกิดขึ้นซักวัน ดังนั้นมันคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากคุณทำความคุ้นเคยกับมัน บางครั้งมันอาจจะยากลำบากแต่ผมพยายามที่จะมองเรื่องนี้ในแง่บวก มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่ได้อยู่กับสโมสรที่แตกต่างซึ่งมีผู้คนทำอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่างด้วย ยกตัวอย่างการฝึกซ้อมในโรงยิมที่ไม่เหมือนเดิม ผมชอบแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ"
ลัลลาน่า เติบโตในฐานะนักเตะชั้นยอดสมัยที่เล่นให้ เซาธ์แฮมป์ตัน โดยเขาติดทีมชาติอังกฤษ 34 เกม และโบกมือลา ลิเวอร์พูล พร้อมกับเหรียญแชมป์มากมาย อย่างไรก็ตามในช่วงต้นอาชีพพ่อค้าแข้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เอาซะเลย เพราะเขาต้องทนทุกข์ทรมานเกี่ยวกับเรื่องระบบการย่อยอาหาร เหมือนกับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ อดีตแข้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีปัญหาลำไส้อักเสบ และผลงานก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนักจนกระทั่งอายุ 21 ปีทุกๆ อย่างจึงค่อยๆ ลงตัว
"ผมต้องต่อสู้กับอาการลำไส้อักเสบมาตลอด ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาผมพยายามรับมือกับเรื่องนี้ และมันยากลำบากมากๆ คุณสามารถลงเล่นได้แต่คุณจะรู้สึกหวาดวิตกเกี่ยวกับอาการเหล่านี้ คุณเล่นได้ไม่เต็มร้อย ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีเอาซะเลยที่พยายามทำเป็นว่าแข็งแรง"
อาการป่วยในช่วงวัยรุ่น, ร่ำไห้หนักมากอำลาหงส์แดง ! เปิดใจชีวิตใหม่ อดัม ลัลลาน่า ที่ไบรท์ตัน
"มันเป็นเรื่องยากจริงๆ ในช่วงเวลาที่ผมยังเป็นวัยรุ่น เพราะผมยังขาดประสบการณ์ และไม่ค่อยมีระเบียบวินัยในเรื่องการกินยา และรับประทานอาหารที่เหมาะสม แต่ชีวิตคือการเรียนรู้ ตอนนี้ผมอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว และมันให้ความรู้สึกดีมากๆ"
ลัลลาน่า กับ โปเช็ตติโน่ มีโอกาสได้ร่วมงานกันเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นที่เซนต์ แมรี่ส์ แต่เขารู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ ที่ได้ทำงานภายใต้การกุมบังเหียนของ "พอช" ที่สำคัญทั้งสองคนยังคงติดต่อพูดคุยกันอยู่เสมอ แต่สำหรับอนาคตของ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ นั้น ลัลลาน่า ยอมรับว่าไม่รู้จริงๆ
"ผมก็อยากรู้เรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้จริงๆ มันก็คงอีกไม่นานหรอกที่เขาจะกลับมาทำงาน แบบว่าเขาคงกำลังประเมินสโมสรที่อยากจะคุม ผมบอกได้เลยว่าผมชื่นชอบเขามากๆ"
ดาวเตะเลือดผู้ดี พยายามที่จะไม่พูดคุยเรื่องลิเวอร์พูลมากนัก และต้องการโฟกัสเกี่ยวกับ ไบรท์ตัน แต่มันยังมีประเด็นที่น่าสนใจที่หลายๆ คนอยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไงก่อนที่จะอำลาถิ่นแอนฟิลด์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดย ลัลลาน่า ยอมรับว่าตนร้องไห้หนักมากตอนที่ได้รับการเชิดชูจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เพื่อนสนิท และกัปตันทีม "เดอะ เร้ดส์"
"ผมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เพราะผมรู้ว่ามันคงจะทำให้ผมสะกดอารมณ์ไม่อยู่ ผมก็มีอารมณ์เหมือนคนทั่วไป และผมรู้ว่านี่คือบทบาทสุดท้ายสำหรับตัวผม, ภรรยา และลูกๆ ของผม การให้สัมภาษณ์มันคงทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจ บางครั้งในชีวิตคนเราก็มีบางเรื่องที่มันน่าเศร้า จริงไหม ? เพราะบางทีเราต้องกล่าวคำอำลาเพื่อนๆ และออกจากโรงเรียนหรืออะไรซักอย่างแบบนั้น"
"แน่นอนว่าผมรู้สึกเสียใจตอนที่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ และจากนั้นช่วงฝึกซ้อมวันศุกร์ผมได้กล่าวอำลาโดยมีผู้จัดการทีมและทุกๆ คนยืนล้อมรอบ ทุกๆ คนเอาเสื้อผมใส่กรอบ และยังได้รับคำพูดดีๆ จาก เฮนโด้ ด้วย ผมร้องไห้หนักมาก แม้ว่าสุดท้ายแล้วผมจะหัวเราะออกมาก็ตาม จากนั้นเราก็เริ่มวอร์มร่างกาย และ มิลลี่ (เจมส์ มิลเนอร์) บอกว่าตอนที่ผมร้องไห้มันทำให้เขาเกือบบ่อน้ำตาแตกเช่นกัน"
จากนั้นนักเตะได้รับข้อเสนอมากมายแต่สุดท้ายเลือกที่จะเซ็นสัญญากับไบรท์ตัน "ในวันถัดมาผมได้พบกับ เกรแฮม พอตเตอร์ (กุนซือไบรท์ตัน) เพราะ ไบรท์ตัน ต้องลงแข่งกับ เบิร์นลี่ย์ ในวันอาทิตย์ผมเก็บข้าวของ และวันจันทร์ก็ไปตรวจร่างกาย แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้า ผมรู้สึกใจหาย ผมต้องอำลาลิเวอร์พูล แม้จะไม่มีอะไรที่เลวร้าย แต่มันน่าเศร้าที่สุด มันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจผมจริงๆ"
"ผมรักลิเวอร์พูล มันเป็นการกล่าวคำอำลาที่ดีที่สุดด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียณ์ลีก แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว ผมพร้อมสำหรับไบรท์ตัน ทันทีที่ผมไปที่ ไบรท์ตันเพื่อเข้ารับการตรวจร่างกายพร้อมกับพ่อและภรรยาของผม พวกเขาพาไปทัวร์สนามซ้อม, ห้องแต่งตัวซึ่งได้เห็นจุดที่จะแขวนเสื้อของผม มันยอดเยี่ยมมากๆ ตอนนี้เราทุกคนเป็นแฟนบอลไบรท์ตัน ผมซื้อเสื้อแข่งให้กับลูกๆ ของผมเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อที่การย้ายทีมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว"
ลัลลาน่า กับ เฮนเดอร์สัน ค่อนข้างมีความใกล้ชิดกันมากๆ เพราะทั้งสองคนมักจะฝึกซ้อมร่วมกันเป็นประจำ และก็มักจะพูดคุยเปิดใจในหลายๆ เรื่อง "เรามีโอกาสได้เปิดใจพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราเคยเจอกับประสบการณ์แย่ๆ ในเรื่องของอาการบาดเจ็บ และก็ผ่านมันมาได้ เขาสมควรที่จะประสบความสำเร็จในทุกๆ อย่าง"
มิดฟิลด์วัย 32 ปี คาดหวังว่าจะนำประสบการณ์ที่แอนฟิลด์ มาใช้ในห้องแต่งตัวที่ไบรท์ตัน โดยสิ่งหนึ่งที่เขายังคงจดจำได้เสมอนั่นก็คือการไม่ยึดติดอัตตาระหว่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันกับลูกทีม "นั่นเป็นสิ่งที่ทุกๆ ทีมในพรีเมียร์ลีก ควรที่จะมี"
สำหรับ ลัลลาน่า สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือเขารู้สึกว่าตัวเองมีร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์มากๆ "ผมปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกเหมือนกับผมอยู่ที่นี่มานาน ไบรท์ตัน มีทุกอย่างทั้งเรื่องความมุ่งมั่น, ผู้จัดการทีมที่เก่ง และการทำงานที่ทันสมัย ผมอยากที่จะพบกับความท้าทายใหม่ ผมดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่ และหวังว่าผมจะมีช่วงเวลา 3 ปีที่ยอดเยี่ยม เพราะผมอยากช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จให้ได้" ลัลลาน่า ระบุ
บทบาทชีวิตใหม่ของ ลัลลาน่า จะเป็นยังไงในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เดี๋ยวทุกๆ คนจะได้รู้ในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว
ทอมเม้ง