ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020-21 กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว และแชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ก็เจอคู่แข่งที่น่าสนใจทันที เพราะพวกเขาต้องเจอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเคยโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีเป็นเวลานาน และเป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์อย่างมากทีมหนึ่ง
ในอีกด้านหนึ่งนั้น ที่จริงแล้วมันก็มีนักเตะหลายคนที่ผ่านการเล่นให้กับทั้ง 2 ทีมเหมือนกัน และวันนี้เราก็จะมาลองจัดทีมด้วยนักเตะที่เข้าข่ายนั้นกัน โดยที่จะขอใช้ระบบ 4-4-2 อันสุดคลาสสิกเป็นหลักในการจัดทีม
ผู้รักษาประตู : สกอตต์ คาร์สัน
คาร์สัน ประเดิมสนามกับ ลีดส์ เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2004 โดยตอนนั้นเขามีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น แต่หลังจากลงเล่นให้ทีมไป 3 นัด ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นก็เห็นแววเด่นของเขาจนถึงเจ้าตัวมาร่วมทัพเมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2005 ด้วยค่าตัวราว 1 ล้านปอนด์
น่าเสียดายที่หนุ่มน้อย คาร์สัน ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นไปเป็นมือ 1 แบบถาวรได้ เขาได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ไปเพียง 9 นัดในทุกรายการ แต่หนึ่งในนั้นคือเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อฤดูกาล 2004-05 ที่เจ้าตัวลงเฝ้าเสาในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ทัพ "หงส์แดง" เจอกับ ยูเวนตุส โดยแม้ว่าเขาจะเล่นพลาดจนทำให้ ยูเวนตุส ได้ประตู แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็ยังชนะในนัดแรกไปได้ 2-1 ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปจนได้ถ้วย "บิ๊กเอียร์" ในซีซั่นนั้นไปครอง
หลังจากนั้น คาร์สัน ก็โดนปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับทั้ง เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, ชาร์ลตัน แอธเลติก และ แอสตัน วิลล่า ก่อนที่จะไปซบ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แบบถาวร ส่วนปัจจุบันถึงแม้เขาจะเป็นนักเตะของ ดาร์บี้่ เคาน์ตี้ แต่ก็กำลังโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืมตัวไปใช้งานอยู่
แบ็กขวา : ลี เพลติเยอร์
เพลติเยอร์ ถือเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล โดยตรง เขาถึงขั้นได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ 4 นัดในฤดูกาล 2006-07 ด้วย แต่ในจำนวนนั้นไม่มีเกมลีกรวมอยู่ด้วยเลย โดยหลังจากนั้นเขาต้องไปเล่นแบบยืมตัวกับ ฮัลล์ ซิตี้ และ โยวิล ทาวน์ ก่อนจะได้ซบ โยวิลล์ แบบถาวรในปี 2007
พอถึงปี 2012 เพลติเยอร์ ก็ย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาอยู่กับ ลีดส์ ในปี 2012 โดยตอนนั้น "ยูงทอง" อยู่ในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเขาก็ได้เล่นให้ ลีดส์ เป็นเวลาราว 2 ฤดูกาล ก่อนที่จะถูกขายให้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ในปี 2014 โดยก่อนหน้านั้นที่จะต้องบอกลา ลีดส์ แบบถาวรนั้น เขาเคยไปเล่นกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แบบยืมตัวด้วย
เซนเตอร์แบ็ก : จอห์น สเกลส์
กราฟชีวิตของ สเกลส์ ตรงข้ามกับ เพลติเยอร์ เพราะว่า ลีดส์ คือทีมแรกในอาชีพการเล่นของเขา แต่เขาก็ไม่ได้รับโอกาสกับที่นั่นจนทำให้ต้องย้ายไปอยู่กับ บริสตอล โรเวอร์ส ในปี 1985 ก่อนที่จะไปซบ วิมเบิลดัน ในปี 1987 แล้วตามด้วยมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในปี 1994
ตอนนั้น "หงส์แดง" ยอมจ่ายเงิน 3.5 ล้านปอนด์เพื่อดึงเขามาร่วมทัพเลย เพราะ สเกลส์ ทำผลงานได้โดดเด่นกับ วิมเบิลดัน และอยู่ในชุดที่ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาล 1987-88 ซึ่งแค่ฤดูกาลแรกของเขากับทีมหรือก็คือซีซั่น 1994-95 เจ้าตัวก็ได้แชมป์ ลีก คัพ ร่วมกับทีมทันที ขณะที่ซีซั่นต่อมาเขาก็ไปถึงนัดชิงชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ ร่วมกับทีมด้วย ก่อนที่จะแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 และในช่วงซัมเมอร์ของปี 1996 เขาก็ไปซบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
เซนเตอร์แบ็ก : โดมินิค มัตเตโอ
อดีตดาวเตะชาวสกอตต์อยู่กับอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล มาตั้งแต่ปี 1984 ก่อนจะได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในปี 1993 ซึ่งเขาก็อยู่กับทีมจนถึงปี 2000 ก่อนจะย้ายไปใส่เสื้อของ ลีดส์ โดยเขาได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ไปทั้งหมด 155 นัดในทุกรายการ
ที่จริง มัตเตโอ ไม่ผ่านการตรวจร่างกายกับทีมด้วย แต่ ลีดส์ ก็ยังยอมเอาเขามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม โดยพอไปอยู่กับที่นั่นเขาก็เป็นตัวหลักของทีมได้ทันที โดยเจ้าตัวได้ลงเล่นไปถึง 146 นัดในทุกรายการ ก่อนที่จะย้ายไปซบ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในปี 2004
แบ็กซ้าย : จิม เบกลิน
เบกลิน เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นแบ็กซ้ายชั้นนำคนหนึ่งของยุค เขาได้แชมป์ลีกสูงสุด, แชมป์ เอฟเอ คัพ และแชมป์ แชร์ริตี้ ชิลด์ ร่วมกับ ลิเวอร์พูล รายการละ 1 สมัย น่าเศร้าที่เขาเคยเจ็บหนักจนถึงขั้นขาหัก และพอฟื้นตัวกลับมาแล้วก็มีอาการเด้ยงตรงเข่าอีกจนทำให้เขาได้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ไม่มากนัก
ทั้งนี้ ในปี 1989 เบกลิน มาเล่นกับ ลีดส์ ซึ่งเขาก็ช่วยให้ทีมได้แชมป์ ดิวิชั่น 2 ด้วย ขณะที่ช่วงหนึ่งเขาก็เคยเล่นให้ พลีมัธ อาร์ไกล์ กับ แบล็คเบิร์น ด้วยสัญญายืมตัวเหมือนกัน อนิจจา อาการเดี้ยงตรงหัวเข่าของเขามันกำเริบจนทำให้เจ้าตัวต้องแขวนสตั๊ดในปี 1991 ทั้งที่ตอนนั้นมีอายุเพียง 27 ปี
ปีกขวา : นิค บาร์มบี้
ถ้าหากการย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด โดยตรงของ หลุยส์ ฟิโก้ มันเป็นเรื่องสุดช็อกจนทำให้คนทั่วโลกลูกหนังฮือฮาแล้วล่ะก็ กรณีของ นิค บาร์มบี้ ก็เข้าข่ายเดียวกัน เพียงแต่มันอาจจะถูกพูดถึงเฉพาะในอังกฤษ หรือในย่าน เมอร์ซี่ย์ไซด์ เท่านั้น โดยที่ บาร์มบี้ เคยเป็นกำลังหลักของ เอฟเวอร์ตัน แต่พอถึงปี 2000 เจ้าตัวกลับเลือกย้ายข้ามฟากไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล
ทั้งนี้ บาร์มบี้ ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า คัพ ร่วมกับ ลิเวอร์พูล อย่างละ 1 สมัย แต่การจะบอกว่าเขามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบกับ ลิเวอร์พูล ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาโดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานอย่างหนักในฤดูกาลที่ 2 กับทีม หรือก็คือซีซั่น 2001-02 จนทำให้ได้ลงเล่นไม่มากนัก และพอถึงฤดูกาล 2002-03 เขาก็โดนขายไปให้ ลีดส์ ด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์
แม้ว่า บาร์มบี้ จะทำประตูได้ตั้งแต่นัดประเดิมสนาม แต่ถ้าพูดกันตามตรงแล้วเขาก็ไม่สามารถระเบิดฟอร์มเก่งกับทีมได้มากเท่าไหร่นักจนถึงขั้นเคยโดนปล่อยให้ ฟอเรสต์ ยืมตัวไปใช้งานด้วย ก่อนที่จะโดนขายขาดให้ ฮัลล์ ในปี 2004
กองกลาง : เจมส์ มิลเนอร์
ก่อนหน้าที่จะกลายเป็นขวัญใจของสาวก ลิเวอร์พูล ในปัจจุบันนั้น มิลเนอร์ เคยอยู่กับ ลีดส์ มาก่อน แถมที่จริงยังเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของที่นั่นด้วย โดยเขาได้ลงเล่นให้กับ ลีดส์ ไปทั้งหมด 54 นัดในทุกรายการ พร้อมกับทำได้ 5 ประตู
ถ้าหากว่า มิลเนอร์ได้ลงเล่นในนัดที่ ลิเวอร์พูล มีคิวเจอกับ ลีดส์ แล้วล่ะก็ มันก็คงจะเป็นเกมแห่งความทรงจำนัดหนึ่งของเขาเลยทีเดียว
กองกลาง : แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์
นักเตะที่เคยเล่นให้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ ลีดส์ มีอยู่หลายคน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะเป็นขวัญใจให้กับแฟนบอลของทั้ง 2 ทีม และ แม็คอัลลิสเตอร์ คือหนึ่งในนั้น โดยเขาเคยอยู่กับ ลีดส์ ระหว่างปี 1990-96 พร้อมกับลงเล่นให้ทีมไป 208 นัดในทุกรายการ และทำไป 34 ประตู
ส่วนกับ ลิเวอร์พูล นั้น เขาย้ายมาอยู่กับทีมในปี 2000 และถึงแม้เขาจะอยู่กับทีมเพียงราว 2 ปี แต่เขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจหลายครั้งจนสุดท้ายก็ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า คัพ ร่วมกับทีมในฤดูกาล 2000-01 รวมถึงได้แชมป์ แชร์ริตี้ ชิลด์ กับ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ร่วมกับ "หงส์แดง" ในปี 2001 ด้วย แถมว่ากันว่าเขายังคอยดูแล สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ แดนนี่ เมอร์ฟี่ ได้ดีจนป็นเหมือนพ่อของทั้ง 3 คนเลย
ปีกซ้าย : แฮร์รี่ คีเวลล์
คีเวลล์ ข้ามน้ำข้ามทะเลจาก มาร์โกนี่ สตอลเลียนส์ ทีมระดับกึ่งสมัครเล่นของที่ออสเตรเลียมาเข้าอะคาเดมี่ของ ลีดส์ ในปี 1995 และมันก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะเขาได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในปี 1996 โดยที่ตอนนั้นมีอายุเพียง 17 ปี ก่อนที่เจ้าตัวจะโชว์ฟอร์มได้สุดยอดจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในปีกที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก ในตอนนั้น
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ "เดอะ ค็อป" หลายคนจะตื่นเต้นในตอนที่ทีมรักของพวกเขาดึง คีเวลล์ มาจาก ลีดส์ เมื่อปี 2003 ได้ โดยที่จริง คีเวลล์ ก็เคยตามเชียร์ ลิเวอร์พูล สมัยที่ยังเป็นเด็กเหมือนกัน แถมเขายังได้รับเสื้อเบอร์ 7 อีกด้วย
น่าเศร้าที่เส้นทางการค้าแข้งของ คีเวลล์ กับ ลิเวอร์พูล ไม่สวยหรูเท่าไหร่ ฟอร์มของเขากับ ลิเวอร์พูล ไม่โดดเด่นเหมือนตอนที่เจ้าตัวเคยทำได้กับ ลีดส์ และสุดท้ายเขาก็หมดสัญญาจนต้องบอกลาทีมในปี 2008 โดยมี กาลาตาซาราย รับเขาไปใช้งานต่อ
กองหน้า : ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
หลังจากเป็น "ก็อด" ของเหล่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล ด้วยการทำไป 171 ประตู จากการลงเล่น 330 นัดในทุกรายการในช่วงแรกที่อยู่กับ "หงส์แดง" ฟาวเลอร์ ก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ลีดส์ ในปี 2001 เพื่อที่จะได้มีโอกาสลงสนามมากขึ้น หลังจาก เชราร์ด อุลลิเย่ร์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นชอบใช้งาน ไมเคิ่ล โอเว่น กับ เอมิล เฮสกีย์ เป็นกองหน้าคู่กันมากกว่า
มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่นัดประเดิมสนามของ ฟาวเลอร์ กับ ลีดส์ คือเกมไปเยือน ฟูแล่ม ที่สนาม คราเว่น ค็อตเทจ ซึ่งเป็นสังเวียนเดียวกับที่เขาลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรก สุดท้ายแล้ว ฟาวเลอร์ ทำประตูให้กับ ลีดส์ ได้ 14 ลูกจากการลงเล่น 33 นัดในทุกรายการ แล้วจากนั้นก็ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2002
กองหน้า : เอียน รัช
รัช เคยทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ได้มากมายก่ายกอง รวมถึงช่วยให้ทีมได้แชมป์หลายรายการ อย่างเช่นแชมป์ลีกสูงสุด 5 สมัย, แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 2 ครั้ง และแชมป์ เอฟเอ คัพ 3 หน เป็นต้น แต่หลังจากกลับมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล เป็นรอบที่ 2 ในปี 1988 แล้วนั้น เขาก็เลือกที่จะบอกลาทีมแล้วไปอยู่กับ ลีดส์ ในปี 1996
น่าเศร้าที่ รัช ไม่สามารถทำประตูเป็นกอบเป็นกำเหมือนเดิมได้ เขายิงให้ ลีดส์ ไปเพียง 3 ลูกจากการลงเล่น 43 นัดในทุกรายการ และสุดท้ายก็ต้องบอกลาทีมหลังเล่นไปได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
- เด็กเกร็ดบอล -
