พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 20-21 ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้วในช่วงเวลาที่ไม่ปกติในเดือนกันยายนซึ่งคู่ประเดิม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ได้ตักเตือน “น้องใหม่” ฟูแล่ม แบบเบาๆ 3-0
ชัยชนะหนนี้เป็นการตอกย้ำเสียงดังๆของ “ปืนใหญ่” ยุค มิเกล อาร์เตต้า ว่า 2 แชมป์ภายใน 1 เดือนมาจากฝีมือเจ้าตัวล้วนๆ
ระบบการเล่น, วินัย และความเข้าใจเกมของนักเตะในทีมยิ่งเล่นยิ่งทำให้แฟนบอลรู้สึกทีมๆนี้มีอนาคต
ในทางกลับกัน สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ กุนซือ “เจ้าสัว” ซึ่งน่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่า พรีเมียร์หินแค่ไหนแต่การแพ้ยับในนัดเปิดสนามไม่ใช่เรื่องดีต่อสภาพจิตใจของเด็กๆ
คงต้องรีบปรับตัวและควานหาชัยชนะให้ได้อย่างน้อยก็อย่าให้นานเกินไปเพราะปฏิเสธไมได้คือสิ่งที่เหล่าบรรดาน้องใหม่ต้องการที่สุดคือการปลดล็อกนัดแรก
แต่คู่ใหญ่ที่คนรอคอยประจำวันเสาร์อยู่ที่ แอนฟิลด์ และต้องบอกว่าเป็นเกมที่โคตรมันการันตียี่ห้อบอลอังกฤษ 33 นาทีพี่ล่อกันไป 5 ลูก เล่นแบบบุกกันไม่มีพัก ซึ่งเห็นการเล่นของทั้ง 2 ทีมแล้วเราสรุปบอลลักษณะนี้คือจะจบลงที่หน้าจะยิงหรือหลังจะทำพังก่อนกัน
เห็น “หงส์แดง” ในวันนี้ผมเชื่อว่า เดอะ ค็อป น่าจะได้กลิ่นยุค แบรนแดน ร็อดเจอร์ เมื่อปี 2014 ที่ยิงมายิงกลับไม่โกงจนซีซั่นนั้นยิงทะลุ 100 แต่เสียมากถึง 50 ลูก!!
แท็คติกส์ของทั้ง “หงส์แดง” และ “ยูงทอง” เล่นเหมือนกันครับคือ press สูง ใช้ปีกสองข้างเป็นตัวทำลายเกมรับของฝั่งตรงข้ามแต่จุดที่ทั้งคู่ต้องทำลายก่อนคือตรงกลาง
เราเห็นได้เลยครับว่าวันนี้กลาง “หงส์” ดูอ่อนแอ ไล่ไม่ติด ยืนห่างยืนชิวจน 2 ประตูที่ทีมเยือนได้มาจากการวางยาวง่ายๆเพราะไม่มีใครเข้ามารบกวนคนเปิดนี่แหละครับ
ทั้ง ไวจ์นัลดุม และ เกอิต้า วันนี้ไม่เข้าแผนกับสไตล์เจอ ลีดส์ ด้วยประการทั้งปวงเราจึงได้เห็นการแก้เกมไวของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่รีบส่ง ฟาบินโญ่ ลงมาแทนอดีตแข้ง ไลป์ซิก ในนาที 59
อย่างไรก็ตามลูกแรกต้องให้ % ความสามารถของ แจ็ค แฮร์ริสัน ไปเต็มๆเพราะการพาทัวร์หนีทั้ง เทรนท์(ที่วันนี้ฟอร์มเน่ามาก) และ โจ โกเมส ก่อนยิงเฉียบขาดตัดหน้า VVd ที่เข้าบล็อกช้าไปเสี้ยววินาทีรวมถึงผ่านมือ อลิสซอน ประตูระดับท็อปของโลก
นี่คือกระบวนท่านารีพิฆาต 4 ผู้คุมกันของ “แชมป์เก่า” ที่ต้องบอกว่าโหดระยำตำบอนเอามากๆ
ลูกพี่ใหญ่ เวอร์กิล ฟาน ไดจค์ เองก็เริ่มสะสมลูกพลาดจนตอนนี้สามารถเอามาทำเป็นรวมฮิตในยูทูปได้แล้วหลังติดประมาทลูกที่สามารถใช้หัวสะกิดโหม่งทิ้งออกข้างแต่เลือกโชว์เสี่ยงจนทำให้ ลีดส์ ตีเสมอ 2-2
นี่คือบทเรียนเบาๆของ “หงส์แดง” ที่เล่นแบบบริการตามเกรดลูกค้า ติดประมาท กล้าเล่นเสี่ยงๆชนิดผิดวิสัยจนบ้านตัวเองเกือบไฟไหม้
แต่สิ่งที่ผมยอมรับว่าแปลกใจและเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นคือ โม ซาลาห์ ครับ ไม่ใช่เพราะแกกดแฮทริคนะ
แต่เห็นร่าง “โม” ในวันนี้เหมือนปีแรกที่ก้าวย่างมายังรั้วแอนฟิลด์ นั่นคือแกเสียบอลยาก เล่นไม่ฝืน พิงบอลพักบอลแน่น เล่นใช้สมองมากกว่าดันทุรัง การเล่นแบบนี้ทำให้โอกาสเสียบอลโดนสวนกลับก็ยิ่งยากไปด้วย
ที่สำคัญแกไม่หวงบอล ได้แล้วจ่ายให้เพื่อน แทงทะลุสวยๆให้ มาเน่ หลายหน เป็น “บังโม” อย่างที่ผมเคยชอบ ไม่ใช่ “บังโม” คนเก่าที่อ้อนแอ้นทิ้งตัวผายมือ คอยเสียบอล ก้มหน้าก้มตาเลี้ยง ยิงทุกจังหวะแม้กระทั่งเข้าเท้าขวา
วันนี้เราต้องยกนิ้วให้หัวจิตหัวใจของ ลีดส์ ยูไนเต็ด จริงๆครับ เพราะการเล่นแบบไม่มีกลัว ไม่เหมือนคนตัวเล็กที่เพิ่งเลื่อนชั้นซึ่งสะท้อนแคแรคเตอร์นายหัวอย่าง มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เต็มๆ
น่าเสียดายที่ความผิดพลาดส่วนตัวทำให้ “ยูงทอง” เสียจุดโทษและเป็นลูกน็อก 4-3 จากนักเตะค่าตัวเกือบ 30 ล้านปอนด์และลงมาในฐานะตัวสำรองอย่าง โรดรีโก้
ในขณะเดียวกันผมเองภาวนาให้ บิเอลซ่า เล่นสไตล์นี้ในบางนัดเท่านั้นเพราะเชื่อว่าหากยังเล่นแบบไม่รัดกุมเน้นบุกอาจยืนระยะในพรีเมียร์ได้ไม่นานโดยเฉพาะเจอพวกหน้าคมๆเขี้ยวๆอาจจะจบไวในบางนัดได้เลย
การพ่ายแพ้ “หงส์แดง” อาจจะเอาชนะคนดูทั่วโลกแต่คำถามคือจะแค่ประเดิมให้ฮือฮาแค่วันเปิดสนามหรือจะยืนพื้นไปแบบนี้ตลอด
บิเอลซ่า ต้องไม่ลืมด้วยว่าเป้าหมายของ “ยูงทอง” ในปีแรกคือการอยู่ให้รอดหลังหายหน้าหายตาลีกสูงสุดไปนานถึง 16 ปี
จุดอ่อนของเหล่าน้องใหม่ถ้าแท็คติกส์ไม่นำหน้ามาก่อนเรื่องอื่นๆผมเห็นส่วนใหญ่จะยืนระยะไม่ได้ซักราย
ช่วงแรกกำลังวังชากล้ามเนื้อยังแน่นอยู่ เล่นด้วยความคึกวิ่งไม่มีหมดมันทำได้ง่ายกว่าแต่ intensive หรือความเข้มข้นเกมต่อๆไปจะทวีคูณมากขึ้นซึ่งสวนทางกับความสดของร่างกาย
ครับ มาถึงตรงนี้ “หงส์แดง” ซึ่งรักษาสถิติไม่แพ้ใครในบ้านติดต่อกัน 60 นัดถูกท้าทายจากคู่แข่งแบบไม่เลือกหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
การปิดเกมแบบเนิ่นๆชิวๆเริ่มเป็น rare item และหากไม่พาซื่อจนเกินไปนักเราจะเห็นได้ว่าการเล่นใน แอนฟิลด์ โดยไม่มี เดอะ ค็อป หนุนหลังมันทำให้ลูกทีม JK แทบไม่ได้เปรียบอะไรคู่แข่งเลย
หลายต่อหลายทีมค้นพบวิธีหยุด “หงส์แดง” ได้มากขึ้นเรื่อยๆทั้งทีมเล็กทีมใหญ่ ตาสีตาสาเริ่มรู้กันแล้วว่ามุกไหนใช้บ่อย ปิดตัวไหนสวิตดับทั้งทีม
ผมจึงเชื่อว่าหลังจบนัดนี้เสียงการเรียกหา ติอาโก้ อัลคันทาร่า (ใจอาจจะอยากเรียกหากองหน้าแต่ดูจากสภาพการเงินแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย ณ ยามนี้) ตัว holding ที่แกะเพรสได้ดีที่สุดคนหนึ่ง ณ เวลานี้และผู้ควบคุมจังหวะการเล่นและผ่านบอลได้หลายมิติจะดังขึ้นมาอีกครั้ง
สิ่งที่ “หงส์แดง” ต้องการมากที่สุด ณ ตอนนี้คือเพิ่มทางเลือกในแดนกลางให้มากกว่าที่เป็นอยู่หากต้องการ “หลัง” และ “หน้า” ต่อกันติดมีประสิทธิภาพมากกว่านี้
จริงอยู่เกมรุกการปิดสกอร์ช่วงหลังออกแนวเลอะเทอะจนทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาไปเองแต่ด้วยงบและเงินที่ไม่เหลือเสริมตัวโหดๆที่จะมาแทนที่ 3 ประสานได้ในยามนี้
ผมจึงมองว่าการแก้ขัดด้วยการเพิ่มมิติในแดนกลางด้วยการลงทุน 20 ล้านปอนด์กับคลาสของ ธิอาโก้ ถือว่าถูกเอามากๆและหลังจากนั้นอาจดัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เล่นในตำแหน่ง box to box หรือปรับ 3 แดนกลางที่เคมีลงตัวมากกว่าใช้ตัวที่เล่นคล้ายกันเกินไปอาจช่วยผลิตสกอร์ได้มากกว่ารอขาประจำคอยแบกในแต่ละสัปดาห์
ผลพวงที่จะตามมาหากได้แข้งระดับ top อย่าง ติอาโก้ ท่ามกลางสนามที่โหวงเหวงไร้แรงกระตุ้น ณ ยามนี้คือการปลุกให้นักเตะบางคนในทีม ลิเวอร์พูล ได้ตื่นขึ้นมาบ้าง