ตอนแรกหลายคนคิดว่าเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา จะเป็นเกมที่สูสี เพราะชื่อชั้นของทั้ง 2 ทีมก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก และขุมกำลังก็ยังมีสภาพในระดับพอๆ กันด้วย
อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่าทีมเยือนสามารถบุกไปชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แบบขาดลอย 6-1 ซึ่งมันก็ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ของ "ปีศาจแดง" ดูเลวร้ายมากขึ้นไปอีก หลังจากเดิมทีฟอร์มของพวกเขาก็ไม่คงเส้นคงวาอยู่แล้ว แถมเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถิติที่เลวร้ายหลายอย่างด้วย และวันนี้เราก็จะมานำเสนอตัวอย่างบางอันกัน
- ผ่านบอลได้เลวร้าย
ตลอดทั้งเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น แมนฯ ยูไนเต็ด มีจังหวะผ่านบอลทั้งหมด 416 ครั้ง โดยเป็นการผ่านบอลเข้าเป้า 335 หน หรือถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็อยู่ที่ 83 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดูเผินๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ตัวเลขที่แย่อะไรมากนัก
อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับ สเปอร์ส แล้วนั้น ผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด แย่กว่าเยอะ โดยถ้านับเฉพาะครึ่งหลังแค่ครึ่งเดียว สเปอร์ส ก็ผ่านบอลเข้าเป้าถึง 384 ครั้งไปแล้ว หรีอก็คือแค่ครึ่งหลังครึ่งเดียว สเปอร์ส ยังสามารถผ่านบอลเข้าเป้าได้มากกว่าที่เจ้าถิ่นทำได้ตลอดทั้งเกมด้วยซ้ำ ส่วนถ้านับจำนวนการผ่านบอลเข้าเป้าทั้งเกมของ สเปอร์ส พวกเขาก็ทำได้ถึง 606 ครั้ง มากกว่าของ แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบถึง 1 เท่าเลย
- ตุลาอาถรรพ์
นี่นับเป็นครั้งที่ 3 เข้าไปแล้วที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียถึง 6 ประตูในนัดเดียวในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก และบังเอิญเหลือเกินที่ 2 ครั้งก่อนหน้านี้มันเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมเหมือนกัน โดยหนแรกคือตอนที่แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-6 ในวันที่ 26 ตุลาคม ปี 1996 ตามด้วยการแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-6 ในวันที่ 23 ตุลาคม ปี 2011
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากการแพ้ สเปอร์ส ในนัดล่าสุด กับ 2 เกมในข้างต้นแล้วนั้น มันก็ยังมีอีกบางนัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นในเดือนตุลาคม และต้องแพ้แบบยับเยินสูงเป็นลำดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ของสโมสรหากนับเฉพาะยุค พรีเมียร์ลีก อย่างเช่นการแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-5 ในวันที่ 20 ตุลาคม ปี 1996, การปราชัยต่อ เชลซี 0-5 ในวันที่ 3 ตุลาคม ปี 1999 และการแพ้ "สิงโตน้ำเงินคราม" 0-4 ในวันที่ 23 ตุลาคม ปี 2016 เป็นต้น
- สถิติเลวร้ายของครึ่งแรก
แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 2 จากลูกจุดโทษของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส แต่หลังจากนั้นทีมเยือนมารัวทีเดียว 6 ลูกรวด แบ่งเป็นครึ่งแรก 4 ประตู กับครึ่งหลังอีก 2 ลูก โดย 4 ประตูในครึ่งแรกมาจาก ซน ฮึง-มิน 2 ลูก กับอีกคนละ 1 ประตูของ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ และ แฮร์รี่ เคน
ทั้งนี้ เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้มันเป็นครั้งแรกในยุค พรีเมียร์ลีก ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียถึง 4 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรกกับการเล่นเกมลีกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และหากนับรวมสมัยที่ลีกสูงสุดยังใช้ชื่อ ดิวิชั่น 1 นั้น ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเสียประตูในลีกที่บ้านของตัวเองตั้งแต่ครึ่งแรกถึง 4 ลูกก็ต้องย้อนไปถึงปี 1957 เลย และมันเหมือนตลกร้ายที่วันนั้นทีมที่บุกมายิง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ถึง 4 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรกก็คือ สเปอร์ส เหมือนกัน โดยสุดท้ายวันนั้น สเปอร์ส ก็เฉือนชนะไป 4-3
นอกจากนี้ หากนับรวมเกมนอก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยแล้วล่ะก็ มันก็เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 1990 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียถึง 4 ประตูในลีกตั้งแต่ครึ่งแรกเหมือนกัน โดยเกมลีกนัดก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเสีย 4 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรกหากนับรวมเกมเยือนด้วยคือตอนออกไปเจอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งวันนั้น "เจ้าป่า" นำห่าง 4-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยสกอร์นั้น
- เกมรับเปื่อยยุ่ยไม่เลิก
หลังจากฤดูกาลนี้เล่นเกมลีกมาแล้วเพียง 3 นัด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เสียประตูไปแล้วถึง 11 ลูก ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกในตอนนี้ ร่วมกับ ลิเวอร์พูล และ ฟูแล่ม โดยมีเพียง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เท่านั้นที่เสียประตูในลีกมากกว่าพวกเขาที่จำนวน 13 ประตู
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขด้านการเสียประตูที่เลวร้ายมากกว่านั้นก็คือนี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1972 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูในลีกอย่างน้อย 2 ลูกต่อเกมในเกมลีก 3 นัดแรกของซีซั่น เพราะในนัดแรกของฤดูกาลนี้พวกเขาก็พ่าย คริสตัล พาเลซ 1-3 ส่วนนัดสองบุกไปเฉือนชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 3-2
สำหรับในปี 1972 นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด สภาพแย่กว่าตอนนี้เยอะ เพราะ 3 นัดแรกของพวกเขาประกอบด้วยการพ่าย อิปสวิช ทาวน์ 1-2 คาบ้าน ก่อนจะออกไปแพ้ ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน ด้วยสกอร์ 0-2 ทั้ง 2 นัด แถมตอนนั้นพวกเขายังต้องรอจนถึงนัดที่ 10 ของฤดูกาลด้วยกว่าที่จะเก็บชัยชนะในลีกได้เป็นนัดแรก
- เด็กเกร็ดบอล -