ผมคิดว่าการที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เก็บ 3 แต้มเหนือ เชฟฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้ทำให้ผมสามารถพูดถึงเรื่องการตีความในเขตและนอกเขตโทษได้อย่างเต็มปาก
เพราะถ้าเกิดเสมอหรือแพ้ขึ้นมา ความชอบธรรมในการหยิบยกประเด็นอะไรก็ตามขึ้นมามันจะอยู่ในจำพวกไม่ยอมรับผลการแข่งขันทันที
ครับ 2 เรื่องที่ผมอยากจะพูดคือเหตุการณ์ ฟาบินโญ่ ทำฟาว์ล โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ จน “แชมป์เก่า” เสียจุดโทษตั้งแต่นาที 13
1. มันไม่ควรเป็นจุดโทษตั้งแต่แรกเพราะภาพจาก VAR แสดงชัดเจนว่าแข้งแซมบ้าสะกิดโดนบอลก่อน จึงไม่ใช่การฟาว์ล
และ 2 ผมหวังว่าฟีฟ่าหรือคนออกกฏควรตีความให้มันเมคเซนส์เรื่องในหรือนอกเส้นเขตโทษให้มากกว่านี้ในอนาคต
กล่าวคือถ้าส่วนไหนของเท้ามันแตะเส้นเขตโทษด้านนอก (แล้วถูกคู่แข่งทำฟาว์ล) ก็ควรเป็นฟรีคิกบนเส้นแต่ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าเลยไปอยู่ในเส้นโทษด้านในจึงเป็นจุดโทษ
เพราะยกตัวอย่างของ แม็คเบอร์นี่ บอดี้อยู่นอกเส้น ส่วนเท้าเองก็แทบจะไม่สัมผัสเส้นเลยด้วยซ้ำ มองด้วยตาเปล่าหรือจะ VAR มันแปลกประหลาดที่กลายเป็นจุดโทษ
แล้วที่ผ่านๆมาเราเคยเห็นการยิงฟรีคิกบนเส้นเขตโทษ มันทำฟาว์ลกันตรงไหนครับถึงวางบอลตรงตำแหน่งนั้นได้?
ดุลพินิจผู้ตัดสิน (อีกละเหรอ?)
เหมือนเมียบอกผัวคืนนี้ห้ามเข้าห้องแต่ผัวยืนอยู่นอกประตูแต่เล็บหรือติ่งหัวแม่โป้งแตะขอบประตูในขณะที่ตัวยืนอยู่นอกประตู
ถามแบบคนทั่วไปมองผัวเมียทะเลาะกันนี่คือการเข้าห้องไปแล้วหรือยัง?
สำหรับ VAR ตามกฏอันนี้ทีมงานในห้องส่งมีหน้าที่ตัดสินแค่ว่าในเขตหรือนอกเขต
ไม่ได้ตัดสินว่า “ฟาว์ล” หรือ “ไม่ฟาว์ล” เนื่องจากท่านเปา ไมค์ ดีน แกเป่าให้ฟาว์ลไปแล้วแกแค่รอคำตอบว่าในหรือนอก
ไม่สิ...ต้องบอกว่าขอบเท้าแตะเส้นหรือไม่แตะเส้นมากกว่า!!
ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผม “งง” เข้าไปอีกเพราะสื่อสารกันขนาดนี้ ได้ดูภาพช้าไม่รู้กี่รอบ เอ่ยปากถามผู้ตัดสินซักนิด “ผู้เล่นลิเวอร์พูลโดนบอลก่อนนะ จะลองมาดูมอนิเตอร์ไหม?”
การใช้ประโยชน์ “ไม่เต็มศักยภาพ ”จากการที่เรามีเทคโนโลยีที่เรียกว่า VAR ผมก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะมีไปทำไมในเมื่อปัญหาหยุมหยิมเยอะมาก
อันนี้ส่วนตัวผมรู้สึกมันควรต้องเปลี่ยน คือถ้าในอนาคต “หงส์แดง” เป็นฝ่ายได้จุดโทษในลักษณะนี้ผมก็ต้องการให้มันเปลี่ยนอยู่ดี
เราต้องช่วยกันปกป้องและสนับสนุนเกมกีฬาอะไรก็ตามการให้มันได้ “ชัยชนะ” base on ability มากกว่าเหตุการณ์ที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับการได้เปรียบหรือใกล้เคียงกับการจะทำสกอร์แล้วจู่ๆก็มาได้แบบงงๆ
ผมไม่รู้ฝั่ง “หงส์แดง” ไปเหยีบตาปลา FA หรือเปล่าจากกรณีขอคำชี้แจงจากจังหวะที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ถูก จอร์แดน พิคฟอร์ด เสียบจนเอ็นขาด
แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม(เนื่องจากไม่มีหลักฐาน) แต่ ลิเวอร์พูล กำลังมีปัญหาทั้งศึกในและนอก
โดยปัญหา “นอก” อย่างที่ทราบกันดีกับ VAR ที่ทำให้ชวด 3 แต้มที่กูดิสัน พาร์ค และ ตัวหลักในแนวรับพักยาวโดยที่คู่กรณีไม่โดนอะไร
ส่วนปัญหา “ใน” คือตอนนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ กำลังเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่เพราะเราเห็นกันแล้วว่า เชฟฯยูฯ รู้ว่า “หงส์แดง” เกราะอ่อนตรงคู่เซนเตอร์
การบอมบ์โด่งไปยังจุดนั้นแล้วให้ผู้เล่นสูงใหญ่อย่าง แม็คเบอร์นี่ โหม่งชงและเก็บบอล อันเป็นการเล่นที่ได้ผลไม่ต้องซับซ้อนทำให้การลำเลียงบอลไม่ต้องผ่านแผงมิดฟิลด์เจ้าถิ่น
เป็นแบบนี้อยู่หลายหนเมื่อฝั่ง เชฟฯยูฯ คิดอะไรไม่ออกและได้ผลแทบทุกครั้ง
ส่วน ฟาบินโญ่ ซึ่งไม่ใช่กองหลังธรรมชาติวันนี้หมดสภาพแพ้แทบจะทุกลูกโหม่งกลางอากาศและถูกเผาบนพื้นหลายหน
ในขณะที่ โจ โกเมส วันนี้องค์ลงใช้สปีด cover ได้หลายจังหวะแต่อย่างที่บอกครับลูกกลางอากาศ ณ ตอนนี้ “หงส์แดง” อาการหนักมากเพราะอย่าว่าแต่ แม็คเบอร์นี่ เลยครับ โกเหม่อยังโหม่งแพ้ รียาน บริวสเตอร์ เพื่อนเก่าด้วยซ้ำ
โจเอล มาติป จึงเป็นความหวังของหมู่บ้านเพราะเล่นลูกหัวได้ดีที่สุดรองจาก VvD แต่ด้วยการที่แกลงเล่น 1 นัดเจ็บ 3 นัดสิ่งที่ต้องภาวนาตอนนี้คืออย่าให้ ฟาบี้ หรือ โกเมซ ต้องมาเจ็บเพิ่มอีก
ส่วนรายละเอียดนิดหน่อยที่ผมคิดว่าต้องติวเข้มเยอะๆคือ ดิโอโก้ โชต้า ยังทำบอลเสียจังหวะ “สวนกลับ” ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองในการพลิกเกมที่ ลิเวอร์พูล จะยิงประตูทีมที่ตั้งรับลึก
คงต้องให้เวลาปรับจูนรู้ใจช่องที่เพื่อนจะวิ่งอีกพักนึงแต่อย่างน้อยอดีตแข้ง วูลฟ์ เข้ามาแบ่งเบาภาระการทำประตูให้ มาเน่ และ ซาลาห์ ไปได้อีกคน
ผมขอใช้คำว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล “รอดตัว” เพราะหลังตามหลัง 1-0 “ดาบคู่” ตั้งรับหนักมากและปิดการขึ้นเกมทางริมเส้นจนเคาะบอลคืนหลังไปมาอยู่นาน เป็นสถานการณ์ที่แทบไม่มีวี่แววว่าจะได้ประตูตีเสมอ
จนกระทั่ง เฮนโด้ ได้ครอสสวยๆให้ มาเน่ โขกแล้ว ฟีร์เมียโน่ ที่ฝืดมานานยิงซ้ำนั่นแหละครับ ถือว่าทีมเยือนรู้ทั้งรู้และพยายามตัดปัญหาใน area นี้แล้วแต่เจอตัวเปิดระดับเทพ 2 คนอยู่ริมเส้นพร้อมๆกันพอดี
ตลกร้ายที่ทีมของ คริส ไวล์เดอร์ พยายามใช้ลูกกลางอากาศโจมตีแต่กลับเสีย 2 ลูกที่มาจากลูกหัว(มาเน่โขกโน่ซ้ำ) และให้คนที่ตัวเล็กกระเปี๊ยก (เมื่อเทียบกับกองหลังที่สูงกว่าเยอะ) โขกลูก 2-1
อย่างไรก็ตามผมมั่นใจเหลือเกินว่าหาก คล็อปป์ ยังคิดจะป้องกันแชมป์หรือหาโทรฟีย์ซักใบประดับตู้ในฤดูกาลนี้จะต้องมีเซนเตอร์สูงใหญ่เล่นลูกหัวเพิ่มอีกตัวสถานเดียวครับ ไม่รอดแน่ๆ นี่ขนาด เชฟฯยูฯ นะ
“หงส์แดง” คงต้องประคับประคองถูไถไปให้ถึงตลาดเปิดหน้าหนาว ไม่เสริมอยู่ไม่ไหวจริงๆครับ...