มิเกล อาร์เตต้า ชี้ว่าปัญหาการทำประตูของ อาร์เซน่อล มีมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว พร้อมยกสถิติการครอสบอลมาอธิบายว่าจะช่วยให้พวกเขาผลิตสกอร์มากขึ้นได้ยังไง
อาร์เซน่อล ยิงไปเพียงแค่ 10 ลูกจากการลงเล่นพรีเมียร์ลีก 10 เกมในฤดูกาลนี้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเขาออกสตาร์ทไม่สู้ดีและจมอยู่ครึ่งล่างของตารางโดยมีแค่ 13 แต้ม
กระนั้น "ปืนใหญ่" ทำผลงานในยูโรป้าลีกได้ดีกว่าจากที่ยิงไปแล้ว 12 ลูกและขออีกเพียงแค่แต้มเดียวก็จะตีตั๋วเข้าสู่รอบน็อคเอาท์
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมอย็อง เองฟอร์มตกนับตั้งแต่ต่อสัญญาใหม่ โดยยิงได้แค่ 4 ลูกจากการเล่น 12 นัดในทุกรายการ กระนั้น อาร์เตต้า ไม่อยากโทษเพียงแค่นักเตะคนเดียวและชี้ว่าปัญหานี้มีมานานแล้ว
"มีหลายปัจจัยนะ มันต่างกันถ้าคุณเปรียบเทียบพรีเมียร์ลีกกับยูโรป้าลีก" อาร์เตต้า กล่าว
"ถ้าคุณย้อนเช็คช่วงหลายปีหลัง, ดูว่าทีมกระจายคนยิงประตูในพรีเมียร์กันยังไง, คนยิงค่อนข้างมีจำกัดนะ มันไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้, นั่นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว"
"ก็ต้องแก้เรื่องนั้น เอาความรับผิดชอบ 80 เปอร์เซนต์ไปให้กับคนๆเดียวมันไม่แฟร์ เราต้องแก้ไขเรื่องนั้นกันเป็นทีม"
"ในฐานะทีมแล้วเราพบกับหลายๆสถานการณ์และบางครั้งการจ่ายบอลไม่ถูกต้อง, บางครั้งก็ไม่ถูกจังหวะ, บางครั้งจังหวะจบสกอร์ก็ไม่ดี แต่ยังมีบางสิ่งที่ทีมของเราทำให้ดีขึ้นได้"
"เราคว้าชัยชนะบางเกมที่สถิติคล้ายๆกันแต่เราเล่นได้มีประสิทธิภาพมาก บางครั้งก็เป็นเรื่องของเรี่ยวแรง, เป็นเรื่องของจิตใจ, เป็นเรื่องของความมั่นใจที่ทำให้คุณเล่นอะไรก็ดีไปหมด"
"พอมีโมเมนต์แบบนั้นก็ทำให้คุณยิงยังไงก็ไม่ชนเสา และถ้าชนเสาก็ยังเด้งเข้าประตูไป, นั่นคือความแตกต่าง"
"ท้ายที่สุดแล้วฟุตบอลเป็นเรื่องของความเข้าขากัน, เรื่องของพลังและความเชื่อของทีม เมื่อคุณแพ้บางเกมและมันส่งผลถึงตัวคุณ นั่นคือหนึ่งในความสวยงามของกีฬานี้, คุณจะตอบสนองต่อเรื่องร้ายๆยังไง"
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า ยกสถิติการครอสบอลเข้ามาประกอบการอธิบายว่าเล่นแบบไหนอาจช่วยแก้ปัญหาที่ปืนฝืดที่พบเจออยู่
"ผมว่านั่นเป็นหนแรกในพรีเมียร์ลีกเลยนะที่เราครอสไป 33 หน ผมบอกเลยว่าถ้าเราครอสได้เยอะแบบนั้นอย่างสม่ำเสมอเราจะยิงประตูได้มากขึ้น"
"ถ้าเราให้นักเตะที่มีเติมเข้าเขตโทษในบางจังหวะ, ก็เหมือนคิดเลขล่ะ, เลขล้วนๆ, การยิงประตูก็จะเกิดขึ้น"
"เป็นอยู่ที่ว่าเราทำแบบนั้นได้สม่ำเสมอขนาดไหน, ด้วยคุณภาพในระดับใด เราจะพยายามต่อไป, ไม่ต้องห่วง"