พรีเมียร์ลีก กลับมาลงเตะอีกครั้ง หลังพักเบรกกันมาเกือบสองสัปดาห์ โดยแต่ละคู่ในช่วงกลางสัปดาห์นี้มีความน่าสนใจไม่น้อย ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
นิวคาสเซิ่ล-เอฟเวอร์ตัน
จากชัยชนะเหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อเกมก่อน "สาลิกาดง" ก็ยังมองหาชัยชนะเกมลีก 2 นัดติดต่อกันให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปีก่อน โดย นิวคาสเซิ่ล เก็บชัยในบ้านได้เพียงนัดเดียวจาก 11 เกมลีกซีซั่นนี้ (เสมอ 6 แพ้ 4)
โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน ทำสกอร์เกมเยือนที่เจอกับ นิวคาสเซิ่ล ได้ตลอด 3 นัดหลังสุด โดยผู้เล่นคนสุดท้ายที่บุกมายิงที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ได้ 4 ปีติดต่อกันคือ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (2011-2013) ขณะที่ผู้เล่น เอฟเวอร์ตัน ที่เคยทำได้คือ เควิน แคมป์เบลล์ ช่วงระหว่างปี 1999-2002
เบิร์นลี่ย์-แมนฯ ยูไนเต็ด
นี่จะเป็นเกมที่ 5,000 ของ เบิร์นลี่ย์ ที่ลงเตะเกมลีกอาชีพเมืองผู้ดี นับตั้งแต่ลีกก่อตั้งเมื่อปี 1888 โดย "เดอะ คลาเร็ตส์" จะเป็นทีมที่สองที่ลงเล่นถึงตัวเลขนั้นต่อจาก เปรสตัน นอร์ธ เอ็นด์
หาก ปีศาจแดง บุกชนะเกมนี้ได้ จะทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกของ พรีเมียร์ลีก ที่คว้าชัยที่ เทิร์ฟ มัวร์ เหนือทีมเจ้าถิ่นได้ 6 นัดติดต่อกัน
มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำประตูในฐานะตัวสำรองได้มากที่สุดเหนือกว่าใครในลีกปีนี้ ด้วยสกอร์ 4 ลูก โดยเขายิงได้จากการลุกจากม้านั่งสำรอง 2 นัดติด ซึ่งแข้ง ผีแดง คนล่าสุดที่ทำประตูในบทบาทตัวสำรอง 3 เกมติดคือ ฮาร์เวียร์ เอร์นานเดซ ตอนช่วงระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ปี 2012
แมนฯ ซิตี้-เบรนท์ฟอร์ด
หาก เบรนท์ฟอร์ด เก็บชัยชนะเกมนี้ได้ จะทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ 3 ที่สามารถบุกชนะทีมแชมป์เก่าได้ในฐานะการลงเตะ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรก (ไม่รวมซีซั่น 1992/93) โดยก่อนหน้านี้มี ดาร์บี้ เคาน์ตี้ (1996/97) และ บอร์นมัธ (2015/16) ที่เคยทำได้
เควิน เดอ บรอยน์ มีส่วนร่วมกับประตู 13 ลูกจากการลงเล่น 12 นัดหลังสุดในการเจอกับทีมน้องใหม่ (5 ประตู 8 แอสซิสต์)
ถึงตอนนี้เป็นระยะเวลา 17 เกมเข้าให้แล้วที่ แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยเกมลีกติดต่อกันในการลงเล่นค่ำคืนวันพุธ รวมถึงเกมก่อนที่เจอกับ เบรนท์ฟอร์ด แล้วเอาชนะได้ 1-0
ทั้งนี้ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก มีแค่ ลิเวอร์พูล มีคว้าชัยในการลงเล่นวันวันเดียวนานกว่านี้ โดย "หงส์แดง" เคยทำสถิติชนะในเกมวันเสาร์ถึง 21 นัดติดต่อกันตอนช่วงระหว่างปี 2018-2020
ไอแวน โทนี่ย์ ทำประตูในลีกปีนี้ไปแล้ว 6 ลูกมากเป็นสองเท่าเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นในทีม นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีสิทธิ์เป็นแข้ง "เดอะ บีส์" คนแรกนับตั้งแต่ เลน ทาวน์เซนด์ ทำไว้เมื่อปี 1946 ที่ทำประตู 3 นัดติดต่อกันบนลีกสูงสุด
สเปอร์ส-เซาธ์แฮมป์ตัน
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน เกมลีกในบ้านตัวเองติดต่อกันมาแล้ว 5 นัด โดยความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ "เดอะ เซนต์ส" ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นสมัยที่เล่น ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2016
เซาธ์แฮมป์ตัน แพ้ต่อ สเปอร์ส 13 จาก 19 เกมลีกที่เจอกัน (ชนะ 3 เสมอ 3) โดยเกมแรกของปีนี้แบ่งแต้มกันมาด้วยผล 1-1 ซึ่งหากพวกเขาไม่แพ้เกมนี้ก็จะทำให้เป็นครั้งแรกที่ นักบุญ ไม่แพ้ คลับไก่ 2 นัดติดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04
แฮร์รี่ เคน มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงถึง 17 ลูกจาก 12 เกมลีกที่เผชิญหน้ากับ เซาธ์แฮมป์ตัน (11 ประตู 6 แอสซิสต์) อีกทั้งยังยิงได้ถึง 5 ลูกจาก 3 เกมที่เจอทีมทีมนี้ โดย เคน เป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับประตูใส่ เซาธ์ฯ มากที่สุดเหนือแข้งคนไหน ๆ
นักบุญแดนใต้ ทำแต้มหล่น 20 แต้มจากเกมที่พวกเขาออกนำคู่แข่งไปก่อน มีแค่ นิวคาสเซิ่ล เท่านั้นที่มากกว่า (21) โดย 7 เกมหลังที่พวกเขาชิงขึ้นนำคู่แข่งนั้น มีถึง 5 เกมที่ลงเอยด้วยผลเสมอ (ชนะ 2)
แอสตัน วิลล่า-ลีดส์
ในการเจอกับ ลีดส์ ที่บ้านตัวเองนั้น แอสตัน วิลล่า ประสบความพ่ายแพ้ตลอด 2 นัดหลังสุด โดยปราชัย 2-3 ในศึก แชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2018 และปีก่อนแพ้ไป 0-3 อย่างไรก็ดี วิลล่า ยังไม่เคยแพ้ "ยูงทอง" ในบ้านตัวเอง 3 เกมติดเลย
"สิงห์ผยอง" สลับสกอร์ยิงได้-เสียประตูไปมาแบบเบิ้ลมาตลอด 7 เกมหลังสุดที่เล่นในบ้าน (2-3, 1-4, 2-0, 2-1, 1-3, 2-2) โดยตลอด 16 เกมหลังสุดที่ วิลล่า พาร์ค พวกเขายิงไม่ได้แค่เกมเดียวเท่านั้น คือนัดที่แบ่งแต้มกับ เอฟเวอร์ตัน ไร้สกอร์ เมื่อเดือนพฤษภาคม
ลีดส์ บุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้มาเมื่อเกมก่อน ถึงกระนั้น พวกเขาไม่ชนะเกมนอกบ้าน 2 นัดติดเลยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่ชัยชนะเกมเยือน 2 นัดแรกของปีครั้งสุดท้ายนั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 2005 ที่สามารถเอาชนะ โคเวนทรี และ สโต๊ค ซิตี้ ได้สมัยเล่นในศึก แชมเปี้ยนชิพ
เกมนี้จะเป็นเกมที่ 4,000 ของ ลีดส์ นับตั้งแต่เข้าร่วมลีก อังกฤษ เมื่อปี 1920 โดยมี 4 ทีมที่ลงเล่นนัดที่ 4,000 แล้วเจอกับความพ่ายแพ้ ได้แก่ สเปอร์ส เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017, วัตฟอร์ด เมื่อเดือนเมษายน ปี 2018, บอร์นมัธ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2019 และ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2020
ลิเวอร์พูล-เลสเตอร์
เลสเตอร์ ซิตี้ มองหาชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล แบบไป-กลับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1998/99 สมัยที่ มาร์ติน โอนีล ทำไว้ ขณะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มองหาการเป็นอดีตผู้จัดการทีม "หงส์แดง" คนที่สองที่เอาชนะทีมเก่าแบบไป-กลับ ต่อจากที่ เคนนี่ ดัลกลิช เคยทำไว้เมื่อปี 1993/94 กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครในบ้านตัวเองเกมลีกมาแล้ว 14 นัดหลังสุด (ชนะ 10 แพ้ 4) และยังสยบคู่แข่งที่นี่มาแล้ว 5 นัดติดต่อกัน โดยเป็นสถิติต่อเนื่องดีที่สุดนับตั้งแต่คว้าชัยได้ 8 นัดติดช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม ปี 2020
ไม่มีทีมไหนอีกแล้วที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ แพ้ในลีกมากไปกว่าการแพ้ต่อ เลสเตอร์ (4 ครั้งเท่ากับ แมนฯ ซิตี้) โดย "เดอะ ฟ็อกซ์" มองหาการเป็นทีมแรกนับตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ทำไว้สมัยคุม บาเยิร์น มิวนิค ที่เจอกับ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2014/15 ที่สามารถเอาชนะทีมของกุนซือเยอรมันแบบไป-กลับได้ในซีซั่นเดียว
แพทสัน ดาก้า มีส่วนร่วมกับประตู 7 ลูกตลอด 9 เกมหลังสุดที่ลงเล่นเกมลีก (4 ประตู 3 แอสซิสต์) โดยมีค่าเฉลี่ยประตูเกิดขึ้นทุก ๆ 64 นาที ซึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร เลสเตอร์ ไม่มีผู้เล่นรายใดมีส่วนร่วมกับประตูได้มากกว่านี้อีกแล้วในการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก 10 นัดแรก (เทียบเท่ากับ มาร์ค โรบินส์ เมื่อปี 1995, เลส เฟอร์ดินานด์ เมื่อปี 2003 และ อิสลาม สลิมานี่ เมื่อปี 2016)
วูล์ฟส์-อาร์เซน่อล
เอมิล สมิธ โรว์ ทำประตูเกมเยือนในลีกได้ตลอด 3 นัดหลังสุด โดยสอยตาข่ายใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด, ลีดส์ และ นอริช ซึ่งผู้เล่น "ปืนใหญ่" คนสุดท้ายที่ทำประตูเกมเยือนได้ 4 นัดติดคือ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่ทำได้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2015
วูล์ฟแฮมป์ตัน เอาชนะเกมลีกได้ทั้งสามนัดที่ลงเล่นในปีนี้ โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเอาชนะ 4 เกมแรกบนลีกสูงสุดของปีต้องย้อนไปเมื่อปี 1938 โดยตอนนั้น ทีมหมาป่า จบรองแชมป์ ด้วยการมีแต้มตามหลัง อาร์เซน่อล
เดอะ กันเนอร์ส ไม่แพ้ที่บ้าน วูล์ฟส์ 2 ปีติดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1976 โดยปีก่อนบุกมาพ่ายที่นี่ 2-1
จากเกมก่อนที่เจอกับ เบรนท์ฟอร์ด นั้นทำให้ ชูเอา มูตินโญ่ เป็นผู้เล่น วูล์ฟส์ ที่อายุมากที่สุดที่ทำประตูกับแอสซิสต์ในเกมเดียวด้วยวัย 35 ปี 136 วัน ซึ่ง 3 เกมหลังที่แข้งโปรตุกีส ลงสนามทำได้ถึง 2 ประตู เทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้จำนวนนัดถึง 121 เกม