เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อดีตยอดนายทวารแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่ามีความสนใจอยากกลับมาทำงานให้ให้ทีมปิศาจแดงอีกครั้ง แม้เจ้าตัวจะยังขอมุ่งมั่นให้กับการสร้างทีมอาหยักซ์ก็ตาม
ฟาน เดอร์ ซาร์ นั่งแท่นเป็นซีอีโอให้อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรที่เขาเติบโตขึ้นมาในบ้านเกิด พร้อมๆกับกระแสข่าวจะถูกดึงมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการเทคนิคในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
อดีตมือกาวทีมชาติฮอลแลนด์ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะระดับตำนานของสโมสร เมื่อเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมผี 4 สมัย และคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่างปี 2005-2011
เมื่อเจ้าตัวถูกถามเรื่องความเป็นไปได้่ที่จะกลับไปร่วมงานกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ตำนานวัย 48 ปี ยอมรับว่า ไม่ปิดกั้นโอกาสดังกล่าว แม้ในปัจจุบันจะยังคงมุ่งมั่นนำอาหยักซ์ประสบความสำเร็จในระดับสูงให้ได้
"นอกเหนือจากครอบครัว, ภรรยา และลูก ผมมีความรักอยู่ 2 อย่างในชีวิต" ฟาน เดอร์ ซาร์ กล่าว
"นั่นก็คือ อาหยักซ์ สโมสรที่มอบโอกาสให้ผมได้พัฒนาฝีเท้า พวกเขาสเก๊าท์ผม พวกเขามอบโอกาสให้ผมได้ฉายแสงในโลกของลูกหนัง"
"และอีกอย่างคือ สโมสรสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งของผม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ที่ก็ดูแลเอาใจใส่ในตัวผมอย่างมาก, ให้การยอมรับและทุกสิ่ง ช่วยให้ผมพัฒนาไปสู่อีกก้าว ซึ่งแน่นอนว่า ผมเองสนใจทำงานกับพวกเขา"
"แต่ผมต้องการเรียนรู้อะไรอีกเล็กน้อยจากที่นี่ (อาหยักซ์) ต้องพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้ากว่านี้ และในที่สุดเราค่อยมาดูกันว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป"
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่น่าทึ่ง มีแฟนบอลที่ยิ่งใหญ่ติดตามจากทั่วโลก ทุกคนต้องการอยากเล่นให้พวกเขา และท้ายที่สุดก็ทำงานเพื่อพวกเขา"
ทั้งนี้ ฟาน เดอร์ ซาร์ รีเทิร์นกลับอาหยักซ์ เพื่อรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเมื่อปี 2012 ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งมารับงานซีอีโอปลายปี 2016
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาหยักซ์ ก็พัฒนาทีมแข็งแกร่งขึ้น สามารถคว้าแชมป์เอเรดิวิชี่มาครอง รวมถึงได้เข้าขิงชนะเลิศยูโรป้าลีก และเป็นทีมจอมเซอร์ไพรส์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เมื่อไปได้ไกลจนถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
อดีตมือกาวทีมชาติฮอลแลนด์ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะระดับตำนานของสโมสร เมื่อเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมผี 4 สมัย และคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่างปี 2005-2011
เมื่อเจ้าตัวถูกถามเรื่องความเป็นไปได้่ที่จะกลับไปร่วมงานกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ตำนานวัย 48 ปี ยอมรับว่า ไม่ปิดกั้นโอกาสดังกล่าว แม้ในปัจจุบันจะยังคงมุ่งมั่นนำอาหยักซ์ประสบความสำเร็จในระดับสูงให้ได้
"นอกเหนือจากครอบครัว, ภรรยา และลูก ผมมีความรักอยู่ 2 อย่างในชีวิต" ฟาน เดอร์ ซาร์ กล่าว
"นั่นก็คือ อาหยักซ์ สโมสรที่มอบโอกาสให้ผมได้พัฒนาฝีเท้า พวกเขาสเก๊าท์ผม พวกเขามอบโอกาสให้ผมได้ฉายแสงในโลกของลูกหนัง"
"และอีกอย่างคือ สโมสรสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งของผม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ที่ก็ดูแลเอาใจใส่ในตัวผมอย่างมาก, ให้การยอมรับและทุกสิ่ง ช่วยให้ผมพัฒนาไปสู่อีกก้าว ซึ่งแน่นอนว่า ผมเองสนใจทำงานกับพวกเขา"
"แต่ผมต้องการเรียนรู้อะไรอีกเล็กน้อยจากที่นี่ (อาหยักซ์) ต้องพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้ากว่านี้ และในที่สุดเราค่อยมาดูกันว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป"
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่น่าทึ่ง มีแฟนบอลที่ยิ่งใหญ่ติดตามจากทั่วโลก ทุกคนต้องการอยากเล่นให้พวกเขา และท้ายที่สุดก็ทำงานเพื่อพวกเขา"
ทั้งนี้ ฟาน เดอร์ ซาร์ รีเทิร์นกลับอาหยักซ์ เพื่อรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเมื่อปี 2012 ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งมารับงานซีอีโอปลายปี 2016
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาหยักซ์ ก็พัฒนาทีมแข็งแกร่งขึ้น สามารถคว้าแชมป์เอเรดิวิชี่มาครอง รวมถึงได้เข้าขิงชนะเลิศยูโรป้าลีก และเป็นทีมจอมเซอร์ไพรส์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เมื่อไปได้ไกลจนถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
