เวย์น รูนี่ย์ อดีตยอดกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน, ดีซี ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ตอนนี้ได้กลายเป็น "อดีต" นักฟุตบอลอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่เจ้าตัวประกาศรีไทร์เรียบร้อย เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ สโมสรดังในศึก แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มตัวทันที หลังจากที่ "รูน" ทำหน้าที่เป็นนักเตะควบกุนซือ "แกะเขาเหล็ก" ชั่วคราว นับตั้งแต่สโมสรปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รูนี่ย์ ถือเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ "ปีศาจแดง" ที่เขาครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร (253 ประตู) รวมถึงกับทีมชาติอังกฤษ (53 ประตู) ด้วย และนี่คือ 10 เหตุการณ์สำคัญที่มีทั้งดีและแย่ของเจ้าตัวตลอดระยะเวลาร่วม 19 ปี ในอาชีพพ่อค้าแข้ง (อ้างอิงจากเว็บไซต์ mirror.co.uk)
- ประตูแจ้งเกิด... จำชื่อเขาไว้ให้ดี เวย์น รูนี่ย์!
เชื่อว่าเป็นโมเมนต์ที่แฟนบอลหลายคนคงจำได้ดี รวมถึง เดวิด ซีแมน ตำนานนายทวาร อาร์เซน่อล ด้วย!!! เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้โลกฟุตบอลได้รู้จักกับแข้งดาวรุ่งพุ่งแรงของ เอฟเวอร์ตัน ที่ชื่อว่า เวย์น รูนี่ย์ กับการที่เจ้าตัวทำประตูชัยในนาทีที่ 90 ด้วยลูกยิงไกลอันสุดสวยในเกมลีกนัดที่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เปิดรัง กูดิสัน พาร์ค พิชิต "ไอ้ปืนใหญ่" 2-1 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2002 ซึ่งนอกจากเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในลีกแล้ว ยังทำให้ "รูน" กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ (ณ เวลานั้น) ที่ทำประตูในศึก พรีเมียร์ลีก ได้อีกด้วย ด้วยวัย 16 ปี กับ 360 วัน พร้อมกับเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายในลีกติตต่อกันของ อาร์เซน่อล ไว้ที่ 30 นัด
- เสื้อยืดพร้อมข้อความในตำนาน
"Once a Blue, always a Blue" (แปลง่ายๆ ก็คือ เมื่อเกิดเป็นสีน้ำเงินแล้ว ก็จะเป็นสีน้ำเงินตลอดไป) นี่คือข้อความบนเสื้อยืดที่ รูนี่ย์ เปิดโชว์ให้เห็น หลังทำประตูใส่ แอสตัน วิลล่า ในศึก เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อปี 2002 ซึ่งถึงแม้ข้อความนี้จะย้อนกลับมาทำลายเจ้าตัวในภายหลัง กับการที่ตัดสินใจย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ รูนี่ย์ ยังคงเป็นที่รักของแฟนบอล "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เสมอ
- เปิดซิงกับ "ปีศาจแดง" ด้วยแฮตทริก
รูนี่ย์ อำลาถิ่น กูดิสัน พาร์ค ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 และเกมแรกของเจ้าตัวในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" เบอร์ 8 นั้น เกิดขึ้นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ดวลกับ เฟเนร์บาห์เช่ ยอดทีมจากตุรกี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2004 ซึ่งถือเป็นการเดบิวต์ที่สุดอลังการมากๆ สำหรับเจ้าตัว เพราะนอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยสวยหรูด้วยสกอร์ 6-2 แล้ว รูนี่ย์ ยังทำแฮตทริกได้ด้วย ซึ่งแต่ละประตูที่ทำได้ก็สวยๆ ทั้งนั้น
- ยิงสนั่นพังตาข่าย นิวคาสเซิ่ล
ถือเป็นอีกหนึ่งประตูแห่งความทรงจำของ รูนี่ย์ เลยก็ว่าได้ ซึ่งเกิดขึ้นในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเชือด นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2005 โดยเป็นลูกยิงตีเสมอ 1-1 ที่เจ้าตัวหวดวอลเลย์เต็มเท้าขวา ส่งบอลเช็ดใต้คานเข้าไปอย่างสุดสวย หมดสิทธ์ที่ เชย์ กิฟเว่น นายทวาร "สาลิกาดง" จะป้องกันได้
- โอเวอร์เฮดคิกปลิดชีพ "เรือใบสีฟ้า"
เมื่อพูดถึง เวย์น รูนี่ย์ ย่อมคิดถึงประตูนี้ สำหรับลูกยิงจักรยานอากาศอันทรงพลังที่เจ้าตัวกดใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมคู่ปรับร่วมเมือง ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2011 ซึ่งถือเป็นประตูที่ช่วยให้ "ปีศาจแดง" คว้าชัยด้วยสกอร์ 2-1 ด้วย
- ยิง เวสต์แฮม จากครึ่งสนาม!!!
ไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะบอกว่า รูนี่ย์ เป็นดาวยิงที่ทำประตูได้ทุกรูปแบบ และทำได้จากทุกระยะ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่เจ้าตัวสบโอกาสยิงประตูจากบริเวณครึ่งสนามในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกสอย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2014 และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทำประตูจากระยะแบบนี้ใส่ "ขุนค้อน" ได้อีกครั้ง ตอนกลับมาเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน ในเกมลีกนัดที่เปิดบ้านถล่ม เวสต์แฮม 4-0 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2017 ซึ่งเกมนี้เจ้าตัวทำแฮตทริกได้ด้วย
- สร้างชื่อในศึก ยูโร 2004
ศึก ยูโร 2004 ที่ประเทศโปรตุเกส ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติรายการแรกสำหรับ รูนี่ย์ ที่ตอนนั้นเพิ่งอายุแค่ 18 ปีกว่าๆ แต่เจ้าตัวกลับสามารถแจ้งเกิดได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการทำไปถึง 4 ประตู คว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ (มิลาน บารอส ของทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ครองอันดับหนึ่งที่ 5 ประตู) แถมมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย ถึงแม้ อังกฤษ จอดป้ายแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้ดวลจุดโทษ โปรตุเกส) ก็ตาม
- ย่ำโหดใส่ (ไข่) คาร์วัลโญ่
หลังจากที่แจ้งเกิดในศึก ยูโร 2004 จนกลายเป็นที่จับตามองในเวทีระดับนานาชาติเรียบร้อย ทว่าทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการต่อมาอย่างศึก เวิลด์ คัพ 2006 ที่ประเทศเยอรมนี รูนี่ย์ กลับมีความทรงจำที่ไม่ดีนัก เพราะนอกจากทำประตูไม่ได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์แล้ว เจ้าตัวยังได้รับใบแดงจากจังหวะย่ำโหดใส่กล่องดวงใจของ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกส ระหว่างเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ (อังกฤษ แพ้ดวลจุดโทษอีกแล้ว) แถมเหตุการณ์นี้เกือบมีเรื่องกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่่เล่นให้ทางฝั่งทัพ "ฝอยทอง" อีกด้วย
- ตบะแตกด่าแฟนบอลอังกฤษ
รูนี่ย์ ยังคงมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีในศึกฟุตบอลโลก โดยหลังจบเกมรอบแบ่งกลุ่มในศึก เวิลด์ คัพ 2010 (ที่ประเทศแอฟริกาใต้) นัดที่ อังกฤษ ทำได้แค่เสมอ แอลจีเรีย 0-0 นั้น เจ้าตัวทนไม่ไหวที่ตนและเพื่อนร่วมทีมโดนแฟนบอล "สิงโตคำราม" โห่ใส่ ถึงกับด่าสวนกลับเชิงประชดผ่านตากล้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
"ดีจริงๆ ที่ได้เห็นแฟนบอลทีมบ้านตัวคุณเองโห่ใส่คุณ นั่นแหละคือแฟนบอลที่จงรักภักดี" นี่คือคำพูดของ รูนี่ย์ ที่ส่งถึงแฟนบอลอังกฤษ หลังจบเกมดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่การกระทำที่ดีนัก และในภายหลังเจ้าตัวได้ออกมากล่าวขอโทษเรียบร้อย
- ขึ้นแท่นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลทีมชาติอังกฤษ
ในศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2015 เวย์น รูนี่ย์ กดลูกจุดโทษเข้าไปเป็นประตูย้ำชัยช่วย อังกฤษ เปิดบ้านพิชิต สวิตเซอร์แลนด์ 2-0 ซึ่งถือเป็นประตูที่ 50 ของเจ้าตัวในการรับใช้ทีมชาติอังกฤษด้วย และนั่นหมายความว่า "รูน" ได้ก้าวผ่านตำนานอย่าง เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (49 ประตู) เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีม "ทรีไลอ้อนส์" เรียบร้อย ซึ่งหลังจากนั้นเจ้า "วาซซ่า" ทำเพิ่มได้อีก 3 ประตู จนสถิติกับทีมชาติอังกฤษไปหยุดอยู่ที่ 53 ประตู จากการลงเล่น 120 นัด